สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า Fang Xinghai รองประธานคณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์ของจีน เปิดเผยว่า เขามีความหวังว่าความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ จะดีขึ้นกว่าเดิม ในช่วง 4 ปีที่ โจ ไบเดน ได้รับเลือกให้เข้ามาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ภายใต้การบริหารงานของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบัน ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 10 ปี มีข้อพิพาทกันตั้งแต่เรื่องเทคโนโลยี การค้า ไปจนถึงปัญหาในฮ่องกง และไวรัสโคโรนา
เขา ระบุว่า จีนคาดหวังว่า ฝ่ายบริหารของนายไบเดน ที่กำลังจะเข้ามารับหน้าที่ต่อ จะพบกันครึ่งทางกับจีนในการบริหารจัดการความแตกต่างแลละผลักดันให้เกิดความก้าวหน้าในความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ เพื่อให้กลับมาอยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง
ที่ผ่านมา นายไบเดน ยังไม่เคยให้รายละเอียดเกี่ยวกับกลยุทธ์เกี่ยวกับจีน แต่ก็มีเครื่องบ่งชี้ที่บอกว่า เขาจะมีการดำเนินแนวทางที่ยากลำบากกับจีน ขณะที่จีนอาจจะต้องแก้ไขประเด็นทางบัญชีของบริษัทจีน ภายใต้ทีมบริหารของไบเดน
เมื่อเดือน ส.ค. สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ และกระทรวงการคลังสหรัฐ เรียกร้องให้ทรัมป์ เพิกถอนบริษัทจีนที่ซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และล้มเหลวในการปฏิบัติตามข้อกำหนดการตรวจสอบทางบัญชีภายในเดือน ม.ค. 2022 ด้วย
Fang ยังระบุว่า กรณีแอนท์ กรุ๊ป ที่ต้องเลื่อนแผนการเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) มูลค่า 37,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ออกไปถึงเมื่อไหร่นั้นก็ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจะปรับโครงสร้างกรอบการกำกับดูแลเทคโนโลยีการเงินอย่างไร และบริษัทจะปฏิบัติตามสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่เปลี่ยนไปได้อย่างไร
แอนท์ กรุ๊ป นั้นมีรูปแบบธุรกิจเฉพาะตัว ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า การที่แอนท์ ไม่มีคู่แข่งในจีนหรือที่อื่นๆ เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้แอนท์เติบโตขึ้นมาในฐานะแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่ห่างไกลจากการปฏิบัติตามกฎระเบียบของภาคธนาคาร แม้จะมีผลิตภัณฑ์ทางการเงินมากมาย ในขณะที่รัฐบาลจีนรู้สึกไม่สบายใจนัก กับการที่ธนาคารต่างๆ หันมาใช้การปล่อยกู้รายย่อย หรือแพลตฟอร์มเทคโนโลยีภายนอก เช่น แอนท์ ในการปล่อยสินเชื่อ ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้และคุณภาพสินทรัพย์ที่ลดลง ในช่วงที่เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้น