CNBC รายงานว่า นักวิเคราะห์ของ Moody’s สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ระบุว่า ขณะนี้หลายประเทศต่างผลักดันการผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ ท่ามกลางการขาดแคลนอุปทานทั่วโลก เนื่องจากมองว่าประเด็นนี้เป็นปัญหาความมั่นคงของชาติ เพราะชิปความจำ เป็นส่วนสำคัญในการผลิตผลิตภัณฑ์หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน เครื่องเล่นเกม เช่น PlayStation 5 อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เช่น ตู้เย็น เครื่องซักผ้า นาฬิกาปลุก หรือรถยนต์ นอกจากนี้ยังใช้ในศูนย์ข้อมูล ซึ่งเต็มไปด้วยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ด้วย
Timothy Uy รองผู้อำนวยการ Moody’s กล่าวผ่านรายการ Squawk Box Asia ของ CNBC ว่า ปัญหาคือหาอุปทานใหม่ๆ เข้ามายาก ขณะที่อุปสงค์ก็เพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งทั้งในด้านอุปทานและอุปสงค์ เรามองว่า บริษัทต่างๆ ก็มีการปรับตัวอยู่ ส่วนรัฐบาลก็ออกมาดำเนินการต่างๆ เพราะมองว่า ประเด็นนี้เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ เพราะชิปเซมิคอนดักเตอร์มีอยู่ในทุกส่วน หากไม่มีสิ่งนี้ ผลิตภัณฑ์หลายอย่างก็ไม่สามารถทำงานได้
อุตสาหกรรมยานยนต์นั้นรับผลกระทบจากปัญหาขาดแคลนชิปไปแล้ว โดยผู้ผลิตรถยนต์ต้องหยุดการผลิตหลังจากชิปขาดแคลนทั่วโลก รายงานบางฉบับ คาดการณ์ว่า การขาดแคลนชิปจะมีไปจนถึงช่วงปลายปี 2023 ซึ่ง สิ่งที่เราเห็นรัฐบาลต่างๆ ดำเนินการ ได้แก่ การใช้จ่ายเงินทุนและการออกนโยบายเพื่อสนับสนุนเพิ่มกำลังการผลิตชิป รวมทั้งการสร้างห่วงโซ่อุปทานในประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาซึ่งเหมือนอุปสรรคติดอยู่ตรงคอขวด
ตัวอย่างการดำเนินงาน คือ เกาหลีใต้ เปิดตัวโปรแกรมมูลค่า 450,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากนี้ถึงปี 2030 ทั้งการลงทุนของภาคเอกชน รวมถึงการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อให้ผู้ผลิตชิปแข่งขันได้ หรือจีน ที่ตั้งกองทุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลงทุนผลิตชิปในประเทศ ขณะที่สหรัฐฯ ผ่านงบประมาณด้านการผลิต รวมถึงกองทุนเพื่อการวิจัยเซมิคอนดักเตอร์ 52,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การออกแบบและจัดตั้งโรงงาน ส่วนสหภาพยุโรปเตรียมกองทุนเพื่อขยายการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในภูมิภาค