BBLAM Monthly Economic Review – ส่องสัญญาณบวกเศรษฐกิจจีน

สรุปความสัมภาษณ์

ดร.มิ่งขวัญ ทองพฤกษา

Chief Economist

BBLAM

ภาพเศรษฐกิจในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2022 นี้ BBLAM จะขอนำเสนอเรื่องจีน ส่วนสหรัฐฯ นั้น ถ้าจะให้มีภาพที่ชัดเจนอาจจะต้องรอไปอีกในรอบการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ รอบกลางเดือนมิถุนายน 2022

ในตอนนี้เราเริ่มเห็นสัญญาณบางอย่างในจีน เริ่มจะมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เราฉายภาพแรกด้วย China is back ซึ่งมีเรื่องของการกลับมาเปิดเมือง (Reopening) เห็นเรื่องการผ่อนคลายด้านนโยบายเกี่ยวกับบริษัทเทคโนโลยี (Policy & Tech Easing) รวมทั้งจุดที่แย่ที่สุดของจีนน่าจะจบลงแล้ว (Bottoming Out)

เริ่มที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้ คอมโพสิต ตั้งแต่ปี 2018-ปัจจุบัน สิ่งที่เห็นคือ ดัชนีหุ้นจีนวิ่งค่อนข้าง sideway คือปรับขึ้นลงเพียงเล็กน้อย แต่ถ้าตัดภาพดูแต่ละปี จะเห็นภาพตั้งแต่ปี 2017-2020 จีนเจอเหตุการณ์มากมาย เริ่มด้วยปี 2017- ต้นปี 2018 ที่ดัชนีปรับขึ้นมาเนื่องจากกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีที่เฟื่องฟู

ต่อด้วยปี 2018 ที่จีนเผชิญปัญหาสงครามการค้า (Trade war) จากนั้นปี 2019 หุ้นจีนก็ปรับขึ้นมาได้ ด้วยความหวังว่า Trade war จะสิ้นสุดลง เพราะว่าในปี 2020 ได้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่

จากนั้นเมื่อเข้าสู่ช่วงปี 2020-2022 ภาพของจีนถูกกำหนดโดยเรื่อง COVID-19 โดยในปี 2020 ดัชนีหุ้นวิ่งขึ้นมาจนเข้าสู่ปี 2021 หุ้นก็ยังขยับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง จนกระทั่งช่วงครึ่งปีเป็นต้นไป ที่มีเรื่องนโยบายเกี่ยวกับ COVID-19 รวมทั้งการคุมเข้มนโยบาย เช่น การปราบปรามหุ้นเทคฯ (Tech crackdown) และนโยบายการมีความเจริญรุ่งเรืองเท่าเทียมกัน (Common Prosperity) เลยทำให้ภาพหุ้นจีนไม่ได้รับข่าวดีทางเศรษฐกิจเท่าไหร่ บวกกับนโยบายอยู่ในเชิงคุมเข้มด้วย

ต่อมาในช่วงปี 2021 เข้าสู่ปี 2022 ก็มีภาพของการปิดๆ เปิดๆ ท่าเรือสำคัญ รวมทั้งเมื่อมีไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนเข้ามา ก็ทำให้การติดเชื้อง่ายขึ้น  โดยที่จีนก็ยังใช้ Zero-Covid Policy เลยเกิด Supply Disruption ที่เป็นเหตุให้ค่าระวางเรือปรับสูงขึ้น ทำให้ภาพจีนดูไม่สวยงามเท่าไหร่

แต่พอมา ณ จุดนี้ ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม 2022 ก็เริ่มเห็นสัญญาณ Bottoming Out เป็นภาพของดัชนีที่หาทางที่จะทะยานขึ้นไป จริงอยู่ที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนดูแล้วยังไม่ฟื้นตัวมากนัก แต่นักลงทุนในตลาด รวมถึงสถาบันการลงทุนใหญ่ๆ ในตลาดออกมาให้ความเห็นว่า ตลาดคงไม่แย่ไปกว่านี้แล้ว จากสัญญาณดังนี้

1.เซี่ยงไฮ้ Reopening ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2022 เป็นต้นไป มีการอนุญาตให้มาทำกิจกรรมข้างนอกได้ โดยที่อาจจะมีข้อจำกัดบ้าง แต่ก็ยังดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา กิจกรรมเริ่มเกิดขึ้น ภาพของการบริโภคเริ่มมา กิจกรรมทางเศรษฐกิจ นำโดยเซี่ยงไฮ้และปักกิ่งก็เลยมีสัญญาณที่ดีหลัง Reopening

2.Policy Easing คือ ทั้งฝั่งรัฐบาลและฝั่งนโยบายการเงิน คือ ธนาคารกลางจีน ปรับนโยบายให้อยู่ในรูปแบบที่ผ่อนคลายมากขึ้น เช่น รัฐบาลที่ออกมาตรการถึง 33 รายการ เพื่อมากระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุน ซึ่งเป็นสัดส่วนสำคัญของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) การบริโภคในประเทศ ซึ่งขาดหายไปนาน จึงส่งผลบวก

พร้อมกันนี้ในด้านนโยบายการเงิน เมื่อเดือนพฤษภาคม 2022 ธนาคารกลางจีนก็ปรับลดอัตราเงินกู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับการกู้ยืมสินเชื่อบ้านลงมา ก็เป็นสัญญาณว่า คงจะไม่คุมเข้มตลาดอสังหาริมทรัพย์มากเท่าเดิมแล้ว นอกเหนือจากนั้น สถานการณ์ Tech crackdown ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2021 ก็มีสัญญาณที่ดีขึ้น พร้อมกับมีหุ้นบางตัวในกลุ่มเทคโนโลยีที่ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาสแรกออกมาดีทีเดียว

ภาพนี้ให้ผลหลายอย่างในเชิงหุ้นด้วย เช่น มาตรการ 33 รายการที่รัฐบาลออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ หนึ่งในรายการสำคัญนั้นก็คือ การส่งเสริมการซื้อรถยนต์ ทำให้ซื้อง่ายขึ้น มีสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยรถยนต์ถือเป็นสินค้ารายการสำคัญที่มีผลต่อการบริโภค ดังนั้นจึงส่งอานิสงส์ด้านบวกให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ไปด้วย ซึ่งในประเด็นยอดซื้อรถยนต์นี้ ก็ทำให้หุ้นตัวหนึ่งปรับตัวขึ้นได้ดี

3.’618′ เป็นเทศกาลเซลประจำปีของจีน โดย 6 ก็คือ เดือนมิถุนายน ส่วน 18 ก็คือวันที่ 18 ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลขายออนไลน์ เหมือนกับที่ไทยมี 6/6 ดังนั้นเราต้องมาจับตามองว่า ในแง่ของยอดค้าปลีก เมื่อมีเทศกาล 618 บวกกับการกลับมาเปิดเมือง คนจะมีอารมณ์กลับมาซื้อของมากขึ้นหรือไม่

4.Tech Easing อย่างที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า ในเรื่องการปราบปรามกลุ่มเทคฯ หน่วยงานกำกับที่เกี่ยวข้อง พยายามทำให้เรื่องการสืบสวนสอบสวนใกล้สิ้นสุดแล้ว ซึ่งก็จะมีหุ้นบางตัวมารับข่าวดีนี้เช่นกัน

โดยรวมแล้ว จากภาพที่ฉายไป เป็นข่าวที่ช่วยหนุนให้หุ้นจีนคงไม่ปรับลงต่ำไปมากกว่านี้แล้ว

ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมานักลงทุนหลายท่านกังวลกับการลงทุนในหุ้นจีนพอสมควร แต่เมื่อเห็นสัญญาณตอนนี้ก็น่าจะเห็นแล้วว่า เวลานี้ติดลบน้อยลงพอสมควรแล้ว โดยเฉพาะหุ้นในตลาดฮ่องกง หากมีการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยเท่ากันทุกเดือน หรือ DCA ตั้งแต่ต้นปี เวลานี้ก็น่าจะเห็นสัญญาณที่เป็นบวกแล้ว

ส่วนคนที่ลังเลว่าจะเข้าลงทุนในตลาดหุ้นจีนดีหรือไม่ เวลานี้ก็ถือเป็นจุดที่น่าสนใจ เพราะมูลค่าหุ้นก็ยังถูก มีภาพนโยบายเข้ามาหนุนด้วย จึงเป็นจุดที่น่าเข้าสะสมได้อีกรอบ