ผู้บริโภคมองว่าแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในเดือนกรกฎาคม 2565 จะลดลงอย่างมาก สืบเนื่องจากราคาก๊าซที่ร่วงลงอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงความเชื่อที่มองว่าการเร่งตัวของราคาอาหาร และที่อยู่อาศัยจะเบาลงในอนาคตด้วยเช่นกัน
ผลสำรวจรายเดือนของธนาคารกลางนิวยอร์ก พบว่า ผู้บริโภคในสหรัฐฯ มองว่า อัตราเงินเฟ้อจะเคลื่อนตัวอยู่ในระดับ 6.2% ในปี 2566 และ 3.2% ในอีกสามปีหลังจากนั้น
ถึงแม้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะยังอยู่สูงเมื่อเทียบกับมาตรฐานในอดีต แต่ถือว่าเป็นการปรับตัวลดลงที่สูงมากจากผลสำรวจที่ทำขึ้นในเดือนมิถุนายน ซึ่งตัวเลขที่ได้มานั้นอยู่ที่ 6.8% และ 3.6%
ตัวเลขจากสำนักสถิติแรงงานสหรัฐฯ บ่งชี้ว่า ราคาอาหารในปีนี้จนถึงเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา เพิ่มสูงขึ้น 10.4% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 6.7% ในอีก 12 เดือนหลังจากนี้ แต่ยังลดลง 2.5 จุดเปอร์เซ็นต์จากผลสำรวจในเดือน มิ.ย. ในขณะเดียวกัน ราคาก๊าซที่เพิ่มสูงขึ้น 60% ในช่วงปีนี้ ผลสำรวจพบว่า ราคาก๊าซคาดจะสูงขึ้นเพียง 1.5% เท่านั้นในปีหน้า ซึ่งลดลง 4.2 จุดเปอร์เซ็นต์จากผลสำรวจในเดือน มิ.ย.
ข้อมูลจากเว็บไซต์ AAA ของสหรัฐฯ ระบุว่า ราคาก๊าซลดลงมาแล้ว 67 เซนต์ต่อ 1 แกลลอน ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา แต่ยังสูงกว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 87 เซนต์ ในขณะที่ราคาโภคภัณฑ์โดยรวมยังปรับตัวลงอย่างมากเช่นกัน
ด้านการเพิ่มขึ้นของราคาที่อยู่อาศัยจากผลสำรวจในเดือน ก.ค.พบว่า คาดการณ์ปรับลดลงเหลือ 3.5% จากตัวเลขที่ 4.4% ในเดือน มิ.ย.
คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ 5 ปี ปรับตัวลดลงด้วยเช่นกัน โดยอยู่ที่ 2.3% จากเดิม 2.7%
ผลสำรวจที่มีตัวเลขแสดงผลในเชิงบวกมากขึ้น เกิดจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวเพื่อลดความร้อนแรงของเงินเฟ้อที่พุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี โดยในปี 2565 นี้ เฟดได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยแล้วถึงสี่ครั้ง รวม 2.25% และคาดการณ์จากตลาดยังมองว่า จะมีการขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้
อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจจากธนาคารกลางนิวยอร์กในเดือน ก.ค .อาจทำให้สมาชิกเฟดชะลอความร้อนแรงในการขึ้นดอกเบี้ยลงในเดือน ก.ย.นี้ หรือในครั้งถัดไปของการประชุมที่เหลือในปีนี้ หากตัวเลขเงินเฟ้อที่ออกมาจริงสอดคล้องกับผลสำรวจ อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางสหรัฐฯ วางเป้าหมายเงินเฟ้อระยะยาวไว้ที่ 2% ซึ่งตัวเลขที่คาดการณ์ไว้ในแบบสำรวจยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าที่เฟดวางเป้าไว้
ในสัปดาห์ก่อนหน้า หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ มิเชล โบว์แมน ให้ความเห็นว่า อัตราเงินเฟ้อไม่น่าจะอ่อนตัวลงในเร็ววันนี้ โดยยังมองเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องผลักดันให้อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของ ประธานธนาคารกลางสหรัฐแห่งซานฟรานซิสโก แมรี่ เดลี ที่ระบุว่า การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางยัง “ห่างจากคำว่าเสร็จสิ้น”
โดยทั้งสองความเห็นจากประธานเฟดของสองรัฐมีขึ้น หลังสำนักสถิติแรงงานสหรัฐฯ รายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่เพิ่มขึ้น 528,000 ตำแหน่งในเดือน ก.ค. พร้อมทั้งอัตรารายได้ต่อชั่วโมงที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึง 5.2%
ในผลสำรวจของธนาคารกลางนิวยอร์กในเดือน ก.ค.ยังระบุว่า ผู้บริโภคมีมุมมองเชิงบวกเพิ่มขึ้นเล็กน้อยต่อตลาดหุ้นหลังดัชนี S&P 500 ปรับตัวพุ่งสูงขึ้นถึง 9% โดย 34.3% ของผู้บริโภคในงานสำรวจยังมองว่าราคาหุ้นในตลาดจะยังสูงขึ้นอีกใน 12 เดือนข้างหน้านี้
ที่มา: ซีเอ็นบีซี