BBLAM Weekly Investment Insights 11–15 มีนาคม 2024

BBLAM Weekly Investment Insights 11–15 มีนาคม 2024

Weekly Highlight

ตลาดอาจจะต้องเตรียมตัวสำหรับกรณีที่ Fed จะยังไม่ลดดอกเบี้ยเร็วๆ นี้ 

By BBLAM

– นโยบายการเงินยังคงมีความแตกต่างกัน โดยธนาคารกลางประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ (DM) ยังคงอยู่ในโหมดรอดูสถานการณ์ ขณะที่ ธนาคารกลางจีนผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ ตลาดคาดจะมีการประกาศนโยบายผ่อนคลายมากขึ้นในการประชุมสภาประชาชนจีน ด้านไทย ตัวเลข GDP ของไทยที่ต่ำกว่าคาดอาจมีผลให้ธปท.ลดดอกเบี้ยนโยบายในเม.ย.นี้ –

Economic Insights

U.S.

By BBLAM

– คองเกรสของสหรัฐฯ รอดพ้น Govt Shut Down ไปถึง 22 มี.ค. โดยความเสี่ยงยังมีอยู่ –

เมื่อวันที่ 28 กพ. สภาคองเกรสบรรลุข้อตกลงร่วมกันที่จะยืดระยะเวลาการใช้งบประมาณชั่วคราว ( Continuing Resolution)  ไปอีก 1-3 สัปดาห์ เพื่อขยายระยะเวลาให้คองเกรสเจรจาหาข้อสรุปเพื่อผ่านร่างกฎหมายงบประมาณเต็มปี (Budget Appropriations) ทั้ง 12  ฉบับให้เสร็จสิ้น
โดยกรอบเวลาแบ่งเป็นสองระยะ คือ
ร่างกฎหมาย 6 ฉบับแรก คิดเป็น 1 ใน 4 ของงบ (ประกอบด้วย งบของกระทรวงเกษตร, พาณิชย์, พลังงาน, มหาดไทย, ยุติธรรม, การขนส่งและกิจการทหารผ่านศึก) ที่แต่เดิมให้เวลาต่อรองถึง 1 มี.ค. ให้ต่อเวลาเพิ่มเพื่อเจรจาให้เสร็จสิ้นภายใน 8 มี.ค.
ร่างกฎหมาย 6 ฉบับที่เหลือ คิดเป็น 3 ใน 4 ของงบ  (ประกอบด้วยงบของกระทรวงกลาโหม, บริการทางการเงินและรัฐบาลทั่วไป, ความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ, แรงงาน-สาธารณสุข, ฝ่ายนิติบัญญัติ และการดําเนินงานของรัฐและต่างประเทศ) ที่แต่เดิมให้เวลาต่อรองถึง 8 มี.ค. ให้ให้ต่อเวลาเพิ่มเพื่อเจรจาให้เสร็จสิ้นภายใน 22 มี.ค.
ความเสี่ยง โดยพื้นฐานของการบริหารจัดการงบประมาณ กฎหมายได้ถูกกำหนดไว้เพื่อให้รัฐบาลสามารถบริหารจัดการงบประมาณได้เต็มปีงบประมาณ แต่มีข้อยกเว้นให้สามารถใช้งบประมาณชั่วคราวได้ตามสภาวการณ์ที่เหมาะสม แต่รัฐบาลไม่สามารถที่จะใช้งบชั่วคราวไปได้ตลอด
ซึ่งในกรณีนี้ ถ้าคองเกรสยังเตะกระป๋องไปเรื่อย ๆ แล้วใช้งบชั่วคราวต่อไปและไม่สามารถบรรลุข้อตกลงสำหรับงบประมาณเต็มปีได้ภายใน 30 เม.ย., รัฐบาลชุดนี้จะถูกทำโทษภายใต้ พรบ. Fiscal Responsibility Act กล่าวคือ งบประมาณในส่วนดุลพินิจ หรือ Discretionary Budget จะถูกปรับลดลง 1% ในทุกกระทรวง โดยอัตโนมัติแบบ Across the Board เท่ากับว่ากรอบวงเงินของงบประมาณจะหายไปราวๆ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ ในวันที่ 1 พ.ค. เป็นต้นไป
(นัยยะคือ ณ ขณะนี้คองเกรสกำลังซื้อเวลาเพื่อต่อรองไส้ในของงบไปจนถึงเกือบสิ้นเดือนนี้ โดยมี Deadlineแรกคือวันที่ 22 มี.ค. และ Deadline ที่สองคือวันที่ 30 เม.ย. โดย Deadline ที่สองจะน่ากลัวกว่า กล่าวคือถ้ายังบรรลุข้อตกลงกันไม่ได้อีก งบประมาณคลังจะต้องถูกปรับลดในส่วนของ งบดุลพินิจลง 1% ทันทีทุกกระทรวงเท่ากับงบสหรัฐฯจะหายไปทันที 5 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ)

CHINA

By BBLAM

– ส่งออกจีนโต 7.1% YoY หนุนโดยการส่งออกกลุ่ม Tech –

ส่งออกของจีนในเดือนม.ค.-ก.พ. (เป็นข้อมูลควบสองเดือนเพราะตัด Impact จาก ตรุษจีน) เพิ่มขึ้น 7.1% YoY เป็นมูลค่ารวม 528.01 พันล้านดอลลาร์ฯ สูงกว่าเดือนก่อนที่โต 2.3% และดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 1.9% สะท้อนว่าการส่งออกโลกเริ่มฟื้นตัวแล้ว

ในรายสินค้า สินค้าส่งออกที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ แร่อลูมิเนียมที่ไม่ได้แปรรูปและผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม (0.5%) เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน (20.8%), แผงวงจร ICs (24.3%), รถยนต์ (12.6%), เรือ (173.1%), ผลิตภัณฑ์พลาสติก (22.9%), และโมดูลหน้าจอแสดงผลแบบแบน LCD (13.2%)

ในรายประเทศ การส่งออกไปยังสหรัฐฯ (5.0%), รัสเซีย (12.5%), สหราชอาณาจักร (4.9%), แคนาดา (12.7%) ,ละตินอเมริกา, (20.6%) ,นิวซีแลนด์ (7.7%), อินเดีย (12.8%) ,และกลุ่มประเทศอาเซียน (6.0%) ปรับตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่การส่งออกไปยังญี่ปุ่น (-9.7%), เกาหลีใต้ (-9.9%), ออสเตรเลีย (-7.5%) ,และสหภาพยุโรป (-1.3%) หดตัว

ทั้งนี้ ในปี 2023 ปริมาณการส่งออกจากจีนหดตัวลง 4.6% ตลาดคาดว่าการส่งออกจีนในปี 2024 นี้จะโตราว 1-2% 

ข้อสังเกตรายสินค้า

  • ส่งออกคอมพิวเตอร์และชิปวงจร IC กลับมาโตแข็งแกร่งขึ้น ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มการปรับตัวที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในภาคเทคโนโลยี (Tech Cycle) ด้าน การเติบโตของการส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ชะลอตัวลง ขณะที่การขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภคกลับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ (Significant Upswing) เป็น 20.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี YoY จากเดือนก่อนที่ 0.8% การเพิ่มขึ้นของสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นเซอร์ไพรส์เชิงบวกที่ใหญ่ที่สุดในเดือนนี้
  • นำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์สำคัญยังคงเติบโต แต่อัตราการเติบโตมีแนวโน้มชะลอตัว ในทางกลับกัน การนำเข้าชิ้นส่วน IT ติบโตอย่างรวดเร็วสูงถึง 14.5% YoY เมื่อเทียบเป็นรายปี คิดเป็น Import Growth Contribution 1.9 ppt เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้วที่เป็นตัว Drag 0.7 ppt ด้านการนำเข้าเครื่องจักรประมวลผลข้อมูลอัตโนมัติ (automatic data processing machines) เพิ่มขึ้นอีกเป็น 67%  YoY ซึ่งอาจสะท้อนถึงการนำเข้าคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (Generative Artificial Intelligence) อย่างต่อเนื่อง

THAILAND

By BBLAM

– อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของหดตัว -0.77% YoY ในเดือน ก.พ. 2024 –

อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของหดตัว -0.77% YoY ในเดือน ก.พ. 2024 (vs.prev. -1.11%, mkt.cons -0.80%)

  • การหดตัวของเงินเฟ้อนี้เป็นการหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน เนื่องจากราคาในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ (40% ของตะกร้าราคา) หดตัวต่อเนื่อง (-0.97% เทียบกับ -1.06% ในเดือน ม.ค.) โดยมีสาเหตุมาจากต้นทุนราคาเนื้อหมู ปลาทู กุ้ง ปลาเก๋า และผักสดปรับลดลง นอกจากนี้ ราคาสินค้าประเภทอื่นที่ไม่ใช่สินค้าอุปโภคบริโภค (60% ของตะกร้าราคา) ก็หดตัวเช่นเดียวกัน (-0.63% เทียบกับ-1.13%) จากต้นทุนที่ลดลงของน้ำมันดีเซลและไฟฟ้าเนื่องด้วยมาตรการช่วยเหลือจากรัฐบาล
  • อนึ่ง อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.43% ชะลอลงจากเดือนก่อนที่ 0.52% ถือเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2021 เมื่อพิจารณาเป็นรายเดือน ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 0.22% MoM เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มขึ้น 0.02% ในเดือน ม.ค.
  • มองไปข้างหน้าปัจจัยที่ต้องตามต่อคือราคาสินค้าในกลุ่มอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาหมูที่ยังได้รับแรงกดดันจากอุปสงค์ที่ลดลงภายหลังจากเทศกาลตรุษจีน ขณะที่ราคาสินค้าในกลุ่มผักและผลไม้สดมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นจากปัจจัยด้านภูมิอากาศ สำหรับราคาสินค้าในกลุ่มพลังงานเรามองว่าจะอยู่ในทิศทางที่จะทรงตัว จนกว่าจะปรับค่า FT ในรอบเดือนพ.ค.-ส.ค.
  • ภาพรวมอัตราเงินเฟ้อ MoM ตั้งแต่เดือนมี.ค.-เม.ย. น่าจะ Flat +/-  (ขึ้นกับราคาหมู vs. ราคาผัก/ผลไม้)
  • ส่วนภาพรวมอัตราเงินเฟ้อ YoY ตั้งแต่เดือนมี.ค.-เม.ย. น่าจะยังลบอยู่แต่ไม่น่าจะหดตัวแรงเท่ากับเดือนม.ค.ซึ่งอยู่ที่ -1.1% YoY
  • อัตราเงินเฟ้อน่าจะ Pick up กลับมาเป็น +YoY ได้ในช่วงเดือนพ.ค.แต่หลังจากนั้นอัตราเงินเฟ้อยังได้รับแรงกดดันจากฐานสูงในปี 2023
  • ทั้งปี BBLAM มองว่าอัตราเงินเฟ้อไทยทั้งปี มีแนวโน้มที่จะติด Flat  (+/-0.x%)

Mutual Fund Insights : Innovation

TECHNOLOGY

Mutual Fund :  B-INNOTECH

Tax saving :  B-INNOTECHRMFB-INNOTECHSSF 

BBLAM X Fidelity International

– B-INNOTECH มีผลการดำเนินงานดีในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ กองทุนหลักได้แรงหนุนจากกลุ่ม Semiconductor & Semiconductor Equipment –

B-INNOTECH มีผลการดำเนินงานดีในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ กองทุนหลักได้แรงหนุนจากกลุ่ม Semiconductor & Semiconductor Equipment โดยหุ้นที่ช่วยหนุนผลการดำเนินงานกองทุนได้แก่

  • Netflix ที่มูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นหลังรายงานยอดผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีกว่า 13.1 ล้านบัญชีซึ่งนับว่าดีที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤต
  • รวมถึงหุ้น Nutanix บริษัท Cloud computing ที่ปรับตัวขึ้นหลังคาดว่าจะได้ครองส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้น และ
  • หุ้น Juniper Networks หนึ่งในผู้จำหน่ายอุปกรณ์เครือข่ายชั้นนำมีมูลค่าเพิ่มขึ้น หลังจากที่ Hewlett Packard Enterprise (HPE) ตกลงที่จะเข้าซื้อบริษัทด้วยมูลค่าประมาณ 14 พันล้านดอลลาร์ด้วยเงินสดทั้งหมด

ผู้จัดการกองทุนเพิ่มน้ำหนักลงทุนในกลุ่ม Semiconductor อย่างหุ้น

  • Taiwan Semiconductor Manufacturing (TSMC) ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของไต้หวัน และ
  • Samsung Electronics เนื่องจากมองว่ายังมีโอกาสได้ประโยชน์จากกระแส AI ที่กำลังมาแรง
  • รวมถึงมีมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่ม Data Management และ Government Business อย่าง Informatica บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ของสหรัฐฯ และ Elastic บริษัทผู้พัฒนาเครื่องมือสำหรับการค้นหาสำหรับองค์กรเพื่อใช้ติดตามข้อมูลภายในบริษัทและสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์

ทั้งนี้ กองทุนให้น้ำหนักลงทุนในกลุ่ม Entertainment segment มากกว่าดัชนี ขณะที่ให้น้ำหนักลงทุนในกลุ่ม Technology Hardware กลุ่ม Storage และกลุ่ม Peripherals Industry น้อยกว่าดัชนี

Mutual Fund Insights : Asia

ASIA Ex. JAPAN

Mutual Fund : B-ASIA

Tax saving :   B-ASIARMFB-ASIASSF 

BBLAM X Invesco

– B-ASIA ให้น้ำหนักลงทุนในเกาหลี และอินโดนีเซีย นอกจากนี้ยังคงมีมุมมองเชิงบวกและให้น้ำหนักในหุ้นที่เป็นผู้ผลิตและออกแบบเซมิคอนดัคเตอร์รายใหญ่ของไต้หวัน –

Invesco ผู้จัดกาารกองทุนหลักของ B-ASIA ยังคงมีมุมมองเชิงบวกและให้น้ำหนักในหุ้นที่เป็นผู้ผลิตและออกแบบเซมิคอนดัคเตอร์รายใหญ่ของไต้หวัน เนื่องจากบริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าคาดการณ์ในด้านรายได้และกำไร

พร้อมทั้งเน้นให้น้ำหนักลงทุนในเกาหลีใต้ เนื่องจากมองว่าการปรับปรุงด้านการกำกับดูแลกิจการและการ
จ่ายเงินปันผลนั้นเป็นโอกาสในการเข้าซื้อบริษัทที่มีการดำเนินงานที่มั่นคง งบดุลที่ดี สามารถเพิ่มผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นเมื่อเวลาผ่านไป

กองทุนให้น้ำหนักลงทุนในอินโดนีเซียและลดน้ำหนักในตลาดหุ้นอินเดีย สะท้อนถึงความแตกต่างในการประเมินมูลค่า ซึ่งอินโดนีเซียเติบโตดีขึ้นโดยได้รับแรงหนุนจากวงจรสินค้าโภคภัณฑ์และการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด

กองทุนให้น้ำหนักลงทุนปานกลางในฮ่องกงและจีน ซึ่งผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาแล้วและคาดว่าจะให้ผลตอบแทนต่อความเสี่ยงที่ดีในอนาคต

นับตั้งแต่จุดสูงสุดในต้นปี 2021 ตลาดหุ้นในเอเชียประสบกับสภาพคล่องที่ตึงตัวและแรงกดดันจากตลาดจีน การประเมินมูลค่าดัชนีภูมิภาคมีการซื้อขายต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตในระยะยาว รวมถึงมี P/E ต่ำกว่าตลาดที่พัฒนาแล้ว โดยเฉพาะสหรัฐฯ

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://www.bblam.co.th/bualuang-insights/bblam-investment-insights/11-15-2024