Economic Update: สรุปประชุมเศรษฐกิจสำคัญของจีน

Economic Update: สรุปประชุมเศรษฐกิจสำคัญของจีน

โดย ดร.มิ่งขวัญ ทองพฤกษา Chief Economist, BBLAM

ผลการประชุมงานเศรษฐกิจกลาง (Central Economic Work Conference) เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2024 สอดคล้องกับท่าทีของ Politburo Meeting  ที่มุ่งเน้นการกระตุ้นเชิงนโยบาย เจ้าหน้าที่ระดับสูงระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งนี้ถือเป็น “การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่” พร้อมแสดงความมั่นใจว่า จีนจะสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ โดยจะใช้นโยบายกระตุ้นผ่านการบริโภคภายในประเทศและการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ

ทางการจีนได้จัดการประชุม Politburo Meeting ไปเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2024 ต่อด้วยการประชุมงานเศรษฐกิจกลาง (Central Economic Work Conference หรือ CEWC) เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2024 ตามลำดับ เพื่อกำหนดแนวทางนโยบายสำหรับปี 2025 หลังจากนั้น เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ฮั่น เหวินซิ่ว รองผู้อำนวยการสำนักงานการเงินและเศรษฐกิจกลาง กล่าวว่า ประเทศจีนกำลังมุ่งหน้าไปสู่การบรรลุเป้าหมายหลักในปีนี้ (เป้าหมาย GDP “ประมาณ 5%”) แม้ว่าเขาจะไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนนโยบายสำหรับปีหน้า ซึ่งมักจะประกาศในช่วง “สองสภา” เดือนมี.ค. นายฮั่น กล่าวว่า นโยบายล่าสุดถือเป็น “การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่” ที่รวมถึงนโยบายการคลังที่มีความเชิงรุกมากขึ้นและนโยบายการเงินที่ “ผ่อนคลายปานกลาง”

นโยบายการเงิน: เป้าหมายสำคัญ คือ มุ่งเน้นการเงินไปสู่เศรษฐกิจจริง (Direct Money to Real Economy)

ในเวทีเดียวกัน หวัง ซิน ผู้อำนวยการ แผนกวิจัยของธนาคารประชาชนจีน (PBoC) กล่าวว่า ยังมีพื้นที่เชิงนโยบายหรือ Policy Space ในการเพิ่มการสนับสนุนนโยบายการเงิน ซึ่งรวมถึงการลดอัตราส่วนเงินสำรองตามกฎหมาย (RRR) และอัตราดอกเบี้ยอย่างเหมาะสม รวมถึงการเพิ่มปริมาณเงินและสินเชื่อ เป็นผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ตอบรับข่าวด้วยการลดลงสู่ระดับต่ำสุดใหม่ที่ประมาณ 1.70% (เปรียบเทียบกับ 2.56% ณ สิ้นปี 2023) นายหวังยังระบุว่า เป้าหมายสำคัญอีกประการหนึ่งของนโยบายการเงินในอนาคต คือ การส่งเงินไปสู่เศรษฐกิจจริง (Direct Money to Economy) ในปี 2025 เราอาจได้เห็นความร่วมมือระหว่างนโยบายการเงินและการคลังมากขึ้น เช่น การที่ PBoC อาจซื้อพันธบัตรรัฐบาลจากตลาดรองอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นเครื่องมือใหม่ที่จะช่วยส่งเงินไปสนับสนุนเศรษฐกิจจริง

นโยบายการคลัง: เพิ่มการขาดดุลงบประมาณ

รัฐบาลกลางจะเพิ่มอัตราการขาดดุลงบประมาณ และจะรับภาระหนี้เพิ่มเติม โดยเหตุผลที่รัฐบาลกลางต้องเพิ่มความพยายาม คือ ข้อจำกัดทางการเงินของรัฐบาลท้องถิ่น ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงการคลังแสดงให้เห็นว่า รายได้จากการโอนขายที่ดินของรัฐบาลท้องถิ่นลดลง -22.4% YoY YTD ในช่วง เดือน ม.ค.-พ.ย. 2024 หลังจากที่ลดลงรวม -36.5% ในปี 2022 และ 2023 รายได้จากการขายที่ดินจนถึงปีนี้อยู่ที่ประมาณ 3.3 ล้านล้านหยวน ซึ่งน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของช่วงเวลาเดียวกันในปี 2021 ซึ่งเป็นปีที่มีรายได้จากการขายที่ดินสูงสุด

การเสริมสร้างความเชื่อมั่นทางธุรกิจ

ในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัว เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. สำนักงานการเงินและเศรษฐกิจกลาง กล่าวว่า การส่งเสริมเศรษฐกิจภาคเอกชนถือเป็นเรื่องสำคัญในปี 2025 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จีนตั้งเป้าที่จะสร้างความเท่าเทียมในสนามแข่งขันสำหรับวิสาหกิจเอกชน (POEs) เร่งรัดการชำระหนี้ที่รัฐบาลท้องถิ่นและรัฐวิสาหกิจ (SOEs) ค้างชำระต่อ POEs รวมถึงควบคุมการบังคับใช้กฎหมายที่มุ่งเป้าไปยัง POEs (เช่น การยับยั้งพฤติกรรมในทางที่ไม่เหมาะสมของรัฐบาลท้องถิ่นเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายที่ข้ามเขตอำนาจและมุ่งเน้นผลประโยชน์) เจ้าหน้าที่ระดับสูงยังให้คำมั่นว่าจะออกกฎหมายส่งเสริมเศรษฐกิจภาคเอกชนในปี 2025

กระตุ้นการบริโภคขั้นสุด (Vigorously Supporting Consumption)

CEWC ได้กำหนดให้มีนโยบายที่ “กระตุ้นการบริโภคขั้นสุด” เป็นลำดับความสำคัญสูงสุดสำหรับงานเศรษฐกิจในปีหน้า และได้เรียกร้องให้ขยายขอบเขตการสนับสนุนโดยตรงผ่านโปรแกรมเปลี่ยนสินค้าและการปรับปรุงอุปกรณ์ ล่าสุดออกพันธบัตรพิเศษระยะยาวเพิ่มเติมเพื่อตอบสนองเป้าหมายนี้

ข้อมูลล่าสุดสะท้อนให้เห็นว่า โปรแกรมเปลี่ยนสินค้า (Trade-ins Program)ในปี 2024 สามารถกระตุ้นการขายรถยนต์กว่า 5.2 ล้านคัน และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านกว่า 49 ล้านชิ้นภายในวันที่ 12 ธ.ค. นอกจากนี้ ยัง Upgrade อุปกรณ์เก่าอีกกว่า 2 ล้านชุด รายได้จากการขายสินค้าภายใต้โปรแกรมดังกล่าวมีมูลค่ามากกว่า 1 ล้านล้านหยวน

ส่งเสริมการเดินทางเข้าจีน

เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งชาติ (NIA) ประกาศว่า จีนจะขยายระยะเวลาการพำนักฟรีวีซ่าสำหรับการเปลี่ยนเครื่องเป็น 240 ชั่วโมง (10 วัน) ครอบคลุม 60 ด่านเข้าออก จากที่ก่อนหน้านี้ให้ได้เพียง 72 ชั่วโมง (3 วัน) หรือ 144 ชั่วโมง (6 วัน) ทั้งนี้ จีนมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 29 ล้านคนในช่วง เดือนม.ค.-พ.ย. 2024 หรือเพิ่มขึ้น 86% YoY