รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนสายแรกของโฮจิมินห์ เปิดให้บริการแล้ว หลังล่าช้ากว่า 6 ปี จากต้นทุนที่บานปลายและความล่าช้าของระบบราชการ
บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า หลังขาดแคลนเงินทุนยาวนานหลายปี ผสมกับมีต้นทุนที่บานปลาย รวมถึงระบบราชการที่คอยเตะถ่วง ในที่สุด รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนสายแรกของนครโฮจิมินห์ก็ได้เปิดให้พลเรือนกว่า 10 ล้านคนใช้บริการแล้วในวันที่ 22 ธันวาคม 2024
จากการก่อสร้างที่ต้องหยุดชะงักลงหลายครั้ง ทำให้เครื่องจำหน่ายตั๋วบางส่วนล้าสมัยและไม่สามารถรับเหรียญรุ่นใหม่ได้ อย่างไรก็ตาม ผู้โดยสารยังสามารถชำระเงินด้วยธนบัตรและเครดิตการ์ด
โครงการก่อสร้างทางรถไฟความยาว 19.7 กิโลเมตรได้รับอนุมัติเมื่อปี 2007 และมีแผนเปิดตัวในปี 2018 โดยประมาณการต้นทุนไว้ราว 17.4 ล้านล้านด่อง (ราว 23,419 ล้านบาท) ซึ่งบานปลายเป็น 43.7 ล้านล้านด่อง (ราว 58,821 ล้านบาท) ในภายหลัง
การก่อสร้างเริ่มต้นปี 2012 ด้วยเงินช่วยเหลือมหาศาลจากรัฐบาลญี่ปุ่น แต่โครงการก็ยังขาดแคลนเงินทุนจากฝั่งรัฐบาลเวียดนาม จนทำให้ผู้รับเหมาชาวญี่ปุ่นร้องเรียนไปยังสถานทูตญี่ปุ่นในเวียดนาม
งบประมาณซึ่งทะยานขึ้นเรื่อยๆ จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติใหม่จากรัฐสภาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีกระบวนการที่ล่าช้า
โครงการรถไฟฟ้าสาย 1 ของนครโฮจิมินห์ ออกแบบให้เชื่อมต่อสถานีเบนถั่น (Ben Thanh) ทำเลใจกลางเมือง (หรือที่รู้จัก ตลาดเบนถั่นเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ) เข้ากับเมืองถูดึ๊ก (Thu Duc City) ชานเมืองทางทิศตะวันออก ในเขต 9 นครโฮจิมินห์ ที่มีสวนสนุก “เสื่อยเตี๋ยน” (Suoi Tien Amusement Park)
อัตราค่าโดยสารต่อเที่ยวอยู่ที่ 6,000 ด่องถึง 20,000 ด่อง (ราว 8 บาทถึง 26 บาท) ซึ่งเปิดให้ใช้บริการฟรีภายใน 30 วันแรกหลังเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ และมีตารางเดินรถ 200 เที่ยวต่อวัน
การเปิดทางรถไฟสร้างความตื่นเต้นต่อพลเมืองผู้เหนื่อยหน่ายการจราจรบนท้องถนนอย่างมาก เมื่อวันที่ 19 ธันวาคมในย่านการเงินของเวียดนาม ผู้คนนับร้อยมายืนต่อแถวเรียงคิวที่หน้าสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินตลาดเบนถั่นเพื่อทดสอบนั่งรถฟรี
ในเมืองที่รถจักรยานยนต์กว่า 8.4 ล้านคันเบียดแน่นกันบนถนนแคบๆ ประกอบกับรถยนต์และรถบรรทุกที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การมีระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน (Mass Rapid Transit System) จึงเป็นเรื่องจำเป็น
นอกจากนี้ เทศบาลนครโฮจิมินห์ยังวางแผนเส้นทางรถไฟอีก 6 สาย ตามที่เหงียน ฉีหญุง (Nguyen Chi Dung) รัฐมนตรีกระทรวงการวางแผนและการลงทุนเรียกร้องต่อรัฐบาลกลางไว้ในการประชุมเมื่อปี 2023
ที่มา: บลูมเบิร์ก