ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0.5% อย่างเป็นเอกฉันท์ ตามคาดการณ์ของตลาด เนื่องจากคณะกรรมการนโยบายการเงินต้องการประเมินแนวโน้มมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ซึ่งอาจกระทบเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออกของญี่ปุ่น
การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก เนื่องจากนโยบายภาษีของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งกดดันเศรษฐกิจญี่ปุ่น แม้ว่าข้อมูลค่าจ้างและเงินเฟ้อในประเทศ จะแสดงให้เห็นว่าญี่ปุ่นมีความคืบหน้าในการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% อย่างยั่งยืน
BOJ ระบุว่า ต้นทุนราคาข้าวที่เพิ่มขึ้น จะผลักดันเงินเฟ้อในประเทศให้สูงขึ้น ในขณะที่นโยบายการค้าของประเทศอื่นกลับสร้างความไม่แน่นอนต่อแนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่น โดยกล่าวในแถลงการณ์ว่า “เศรษฐกิจของญี่ปุ่นยังคงมีความไม่แน่นอนสูง รวมถึงสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับนโยบายการค้าของแต่ละประเทศ”
หลังจากที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นเพิ่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนม.ค. คณะกรรมการ BOJ มีมติเป็นเอกฉันท์ ที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายระยะสั้นไว้ที่ 0.5% ตามเดิม อย่างไรก็ตาม ตลาดยังจับตาการแถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมของนายคาซูโอะ อูเอดะ (Kazuo Ueda) ผู้ว่าการ BOJ เพื่อประเมินว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งเมื่อใด รวมถึงแนวทางที่ธนาคารกลางจะจัดการกับแรงกดดันเงินเฟ้อในประเทศ และความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก
ธนาคารกลางญี่ปุ่น ยังระบุในแถลงการณ์ว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีสัญญาณอ่อนแอบ้าง โดยการบริโภคในประเทศยังเพิ่มขึ้นในทิศทางที่ดี แม้ราคาข้าวที่เพิ่มขึ้นและการลดลงของเงินอุดหนุนเชื้อเพลิงจะสร้างแรงกดดันต่อเงินเฟ้อ ต่อเนื่องจนถึงปีงบประมาณ 2025 โดย BOJ ส่งสัญญาณชัดเจนว่า พร้อมจะขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง หากญี่ปุ่นสามารถบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% ได้อย่างยั่งยืน โดยย้ำว่าการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อต้องมาจากการปรับขึ้นค่าจ้างและการบริโภคที่แข็งแกร่ง ไม่ใช่จากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นชั่วคราว
ทั้งนี้ BOJ จะพิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจทั้งหมด ในการทบทวนประมาณการการเติบโตและเงินเฟ้อในไตรมาสถัดไป ในการประชุมระหว่างวันที่ 30 เม.ย. – 1 พ.ค. ซึ่งถือเป็นจุดสำคัญต่อการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ย โดยนักเศรษฐศาสตร์กว่า 2 ใน 3 คาดว่า BOJ จะขึ้นดอกเบี้ยเป็น 0.75% ในไตรมาส 3 โดยส่วนใหญ่มองว่ามีโอกาสที่จะเกิดขึ้นสูงในเดือนก.ค.
การประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น เกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเริ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าเฟดจะคงดอกเบี้ยไว้เช่นกัน เพื่อประเมินผลกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้ารอบใหม่ของทรัมป์ในเดือนเม.ย.
ที่มา: รอยเตอร์