OECD มองโอกาสเฟดลดดอกเบี้ยได้อีก 3 ครั้ง ก่อนกลางปี 2026 ท่ามกลางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัว

OECD มองโอกาสเฟดลดดอกเบี้ยได้อีก 3 ครั้ง ก่อนกลางปี 2026 ท่ามกลางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัว

องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ประเมินว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังมีพื้นที่เพียงพอที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้อีก 3 ครั้ง ภายในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า (มี.ค. -พ.ค. 2026) แม้อัตราเงินเฟ้อยังสูงกว่ากรอบเป้าหมาย 2% โดยคาดว่าเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐฯ จะชะลอตัวลง

รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจที่เผยแพร่ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา OECD คาดว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ จะถูกปรับลดลงสู่ระดับ 3.25%–3.5% ภายในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า เนื่องจากภาษีการค้าสูงที่กดดันโมเมนตัมการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยคาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ปีนี้ มีแนวโน้มขยายตัวเพียง 1.8% ลดลงจาก 2.8% ในปี 2024 และจะชะลอต่อเนื่องเหลือ 1.5% ในปี 2026 อย่างไรก็ตาม การเติบโตของสหรัฐฯ ยังจะแซงหน้าประเทศสมาชิก G7 รายอื่นในปีนี้ โดยสหราชอาณาจักร คาดว่าจะเติบโตได้ 1.4% รองมาเป็นอันดับ 2 ขณะที่ เยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี คาดว่าจะเติบโตต่ำกว่า 1%

สัปดาห์ที่แล้ว เฟดเพิ่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 4%–4.25% ซึ่งถือเป็นการปรับลดครั้งแรกนับตั้งแต่ ธ.ค. ที่ผ่านมา หลังข้อมูลบ่งชี้ว่า การจ้างงานในสหรัฐฯ ชะลอลงชัดเจน แม้ภาษีศุลกากรของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงส่งผลต่อเงินเฟ้อค่อนข้างจำกัดก็ตาม

OECD ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ แสดงความแข็งแกร่งได้มากกว่าที่คาด แม้ต้องเผชิญกับอัตราภาษีที่สูงขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการลงทุนมหาศาลในเทคโนโลยีสารสนเทศและ AI โดยปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตปีนี้ขึ้น 0.2 จุดเปอร์เซ็นต์จากประมาณการเดือน มิ.ย. ขณะที่ คาดการณ์ปี 2026 ยังคงเดิม อย่างไรก็ตาม การว่างงานที่สูงขึ้นและจำนวนตำแหน่งงานว่างที่ลดลง สะท้อนถึงความอ่อนแรงของตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นสัญญาณที่เปิดทางไปสู่การปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม โดยอัลวาโร เปเรรา หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ OECD ซึ่งเพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ว่าการธนาคารกลางโปรตุเกส กล่าวว่า “ตลาดแรงงานไม่แข็งแกร่งเหมือนก่อน เราคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ และอีก 2 ครั้งในช่วงต้นปีหน้า”

แม้จะมีแรงกดดันจากประธานาธิบดี ทรัมป์ ที่ต้องการให้เฟดลดดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว แต่ OECD เตือนว่า การรักษาความเป็นอิสระของธนาคารกลาง เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือด้านนโยบายและลดความผันผวนและความยืดเยื้อของเงินเฟ้อ อย่างไรก็ดี ความเห็นภายในเฟด ยังคงแตกต่างกันอย่างมาก โดยกรรมการ 11 ใน 12 คน เห็นด้วยกับการลดดอกเบี้ยครั้งล่าสุด แต่มีกรรมการบางรายมองว่า ควรขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ก่อนสิ้นปี ขณะที่ สตีเฟน มิแรน กรรมการเฟดคนใหม่ สนับสนุนให้ลดดอกเบี้ยอีกถึง 5 ครั้ง ครั้งละ 0.25%

ทั้งนี้ OECD ยังเตือนว่า กระบวนการชะลอเงินเฟ้อในหลายประเทศเริ่มชะงัก โดยภาษีที่สูงขึ้น เริ่มส่งผลต่อราคาสินค้าบางประเภทในสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้อสหรัฐฯ ปีนี้คาดว่าอยู่ที่ 2.7% ใกล้เคียงกับ 2.5% ของปีก่อน และยังคงสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟด และจะอยู่ที่ราว 3% ในปี 2026

สำหรับเศรษฐกิจกลุ่ม G20 ทาง OECD คาดว่าจะชะลอจาก 3.4% ในปี 2024 เหลือ 3.2% ในปี 2025 และ 2.9% ในปี 2026 เนื่องจากผลของมาตรการภาษีศุลกากรและความไม่แน่นอนด้านนโยบายที่ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งกดดันการลงทุนและการค้า

ในทางตรงกันข้าม จีนถูกปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP เป็น 4.9% ในปี 2025 และ 4.4% ในปี 2026 ส่วนอินเดียยังคงขยายตัวแข็งแกร่งที่ 6.7% ในปีนี้ และ 6.2% ในปีหน้า


ที่มา: Financial Times, สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย