เวียดนามแซงไทย ขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งจีนแห่เที่ยว – คาดนทท.ต่างชาติทะลุ 22 ล้านคนปีนี้

เวียดนามแซงไทย ขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งจีนแห่เที่ยว – คาดนทท.ต่างชาติทะลุ 22 ล้านคนปีนี้

เวียดนามแซงหน้าประเทศไทย ขึ้นแท่นจุดหมายท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวจีน โดยมีแนวโน้มต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 22 ล้านคนในปีนี้ ซึ่งถือว่าสูงกว่าสถิติสูงสุดก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นอย่างมาก

รัฐบาลเวียดนามตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ได้ถึง 25 ล้านคนในปี 2025 ขณะที่ บริษัทวิจัย BMI ภายใต้เครือ Fitch Solutions ประเมินว่า ตัวเลขปีนี้จะอยู่ที่ราว 22 ล้านคน และคาดว่า ปีหน้า (2026) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะทำลายสถิติเดิมที่ 18 ล้านคนในปี 2019 ซึ่งจะช่วยให้ภาคการท่องเที่ยวของเวียดนามฟื้นตัวเกือบสมบูรณ์ จากผลกระทบของโควิด-19 โดยหนึ่งในเหตุผลสำคัญ คือ เสถียรภาพทางการเมืองที่มั่นคง ภายใต้การปกครองพรรคเดียว ซึ่งแตกต่างจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทยและกัมพูชา ที่ยังมีข้อพิพาทชายแดนยืดเยื้อ รวมถึงอินโดนีเซีย ที่ยังได้รับผลกระทบจากการประท้วงเมื่อ 2 เดือนก่อน

นอกจากนี้ รัฐบาลเวียดนาม ยังช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว ด้วยการขยายระยะเวลาพำนักปลอดวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจาก 12 ประเทศ โดยนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมาเพื่อลิ้มลองอาหารท้องถิ่น ศึกษาประวัติศาสตร์สงคราม ชมเกาะสีมรกต และสำรวจถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก อย่างถ้ำเซินด่อง 

ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ BMI กล่าวว่า “เวียดนามกำลังกลายเป็นจุดหมายท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวจีน ซึ่งแซงหน้าไทยขึ้นมาเป็นอันดับ 1 เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีน หลีกเลี่ยงการเดินทางมาไทยเพราะความกังวลด้านความปลอดภัย อีกทั้งพวกเขายังระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ทำให้เวียดนามซึ่งอยู่ใกล้จีน ได้รับอานิสงส์เต็มๆ”

รายงานของ Bloomberg เมื่อเดือนก.ย.ระบุว่า เวียดนามได้แซงไทยขึ้นมาเป็นจุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยวจีน โดยการเปลี่ยนแปลงนี้มาจากกระแสนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาเองเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเมื่อนับจนถึงเดือนต.ค.ที่ผ่านมา เวียดนามต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 17 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้กว่า 4 ล้านคนมาจากจีน ขณะที่สำนักงานสถิติของเวียดนามเปิดเผยว่า การไม่เลือกเดินทางไปไทย ส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากเหตุลักพาตัวนักแสดงชาวจีนในประเทศไทย เมื่อเดือนม.ค. 2025 ซึ่งส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยลดลงอย่างเห็นได้ชัดในปีนี้

ปัจจัยอีกอย่างหนึ่งที่เป็นผลดีต่อเวียดนาม คือ การมุ่งเน้นนโยบายค่าเงินอ่อนค่าของรัฐบาล ซึ่งช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว ขณะที่ เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นของไทยกำลังคุกคามการลงทุนจากต่างประเทศ ภาคการส่งออก และการท่องเที่ยว

การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ยังมีแนวโน้มส่งผลโดยตรงต่อภาคค้าปลีกของประเทศ ซึ่ง BMI ประเมินว่า ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2025 ยอดค้าปลีกของเวียดนาม เติบโต 6.7% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นผลจากรายได้จากการท่องเที่ยวที่พุ่งขึ้นถึง 48.4% เมื่อเทียบปีต่อปี พร้อมกันนี้ BMI ยังวิเคราะห์แนวโน้มยอดค้าปลีกตั้งแต่ปี 2019 พบว่าในเชิงมูลค่าที่ไม่ปรับตามเงินเฟ้อ ยอดขายกลับมาสู่ระดับที่ควรจะเป็นหากไม่เกิดโควิด-19

ทั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวเวียดนามระบุว่า รายได้จากนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศรวมกันเมื่อปีที่แล้ว อยู่ที่ราว 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา: Nikkei Asia, สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย