คาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยต่อนางซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นว่า BOJ กำลังอยู่ในขั้นตอนลดระดับมาตรการผ่อนคลายทางการเงินลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตอกย้ำเจตนาที่ชัดเจนว่า ยังคงมุ่งมั่นที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างระมัดระวัง
ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น ระบุหลังพบปะกับนายกรัฐมนตรีโดยตรงเป็นครั้งแรกว่า กลไกที่ทำให้เงินเฟ้อและค่าจ้างเติบโตไปด้วยกันนั้น กำลังฟื้นตัวขึ้น ซึ่งตนเองได้แจ้งต่อนายกรัฐมนตรีว่า เรากำลังดำเนินการปรับลดระดับมาตรการผ่อนคลายทางการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยการพบปะครั้งนี้ เกิดขึ้นในจังหวะที่นักลงทุน ต้องการความชัดเจนเกี่ยวกับท่าทีของผู้นำญี่ปุ่น ต่อทิศทางนโยบายการเงิน ขณะเดียวกัน ตลาดกำลังรอรายละเอียดของแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจที่คาดว่าจะประกาศในสัปดาห์นี้ หลังความกังวลปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมา นางทาคาอิจิ มีท่าทีไม่สนับสนุนการปรับขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ตลาดจับตาว่าทิศทางในอนาคตหลังการพบปะกันจะเป็นอย่างไร
ในสัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นและพันธบัตรญี่ปุ่นปรับตัวลงแรง ขณะที่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ขยับขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 17 ปี ส่วนเงินเยนอ่อนค่าทะลุระดับจิตวิทยาที่ 155 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ และแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 180 เยนต่อยูโร
อุเอดะ กล่าวว่า ทั้ง 2 ฝ่าย ได้หารือเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน และย้ำว่า ค่าเงินควรเคลื่อนไหวอย่างมีเสถียรภาพตามปัจจัยพื้นฐาน พร้อมยืนยันว่า BOJ จะประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดและทำงานประสานกับรัฐบาลต่อไป ซึ่งหลังการเปิดเผย ส่งผลให้เงินเยนซื้อขายใกล้ระดับ 155 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงจากระดับ 155.38 เยน ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่าที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. ส่วนหนึ่งมาจากการคาดการณ์ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจล่าช้า
เคนโตะ มินามิ นักเศรษฐศาสตร์จาก Daiwa Securities ระบุว่า “ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น จำเป็นต้องส่งสัญญาณย้ำให้ชัดเจนว่า BOJ ยังมุ่งหน้าขึ้นดอกเบี้ย ท่ามกลางการอ่อนค่าอย่างรวดเร็วของเงินเยน” และผู้นำญี่ปุ่น ไม่น่าจะขัดข้อง เพราะเงินเยนอ่อนจะยิ่งซ้ำเติมภาวะเงินเฟ้อที่กดดันครัวเรือน อย่างไรก็ตาม นายอุเอดะ ย้ำว่า BOJ จะตัดสินใจนโยบายตามข้อมูลเป็นหลัก ซึ่งการประชุมนโยบายทางการเงินครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 19 ธ.ค.
ทั้งนี้ การที่ผู้นำญี่ปุ่นไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็น หลังพบนายอุเอดะ ช่วยลดความกังวลที่รัฐบาลอาจกดดัน BOJ ให้ชะลอจังหวะขึ้นดอกเบี้ย เพราะหากเธอแสดงท่าทีคัดค้านอย่างชัดเจน อาจยิ่งทำให้เงินเยนอ่อนค่ามากขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าสูงขึ้นและเร่งเงินเฟ้อ ซึ่งโดยปกติแล้ว นายกฯ ญี่ปุ่น มักไม่ออกมาให้สัมภาษณ์หลังการพบผู้ว่าการ BOJ อยู่แล้ว
การพบกันครั้งนี้ มีขึ้นหลังตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุด ระบุว่า GDP ญี่ปุ่นไตรมาส 3 หดตัว 1.8% ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 6 ไตรมาส แม้หลายฝ่ายเชื่อว่า สถานการณ์จริงอาจไม่เลวร้ายเท่าตัวเลขพาดหัว แต่รายงานดังกล่าวน่าจะผลักดันให้นางทาคาอิจิ เดินหน้าใช้แพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่กว่าเดิม
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเมินว่า หนี้สาธารณะขั้นต้นของญี่ปุ่นในปีนี้จะอยู่ที่ 229.6% ของ GDP สูงที่สุดในบรรดาประเทศพัฒนาแล้ว
ที่มา Bloomberg, สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

