บลจ. สนับสนุนมาตรการภาครัฐแก้ปัญหาสถานการณ์ COVID-19 เชื่อมั่นรัฐแก้ปัญหาลุล่วง พร้อมให้การดูแลและคำปรึกษาแก่ผู้ถือหน่วยในการบริหารจัดการด้านการเงิน เตรียมการส่งเสริมกลไกการออมระยะยาว เสนอขายกองทุน SSF พร้อมกันวันแรก 1 เมษายน 2563 จำนวน 13 บลจ. เน้นลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนไทย ลดหย่อนภาษีเงินได้สูงสุด 2 แสนบาท เน้นลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทย เชื่อมั่นหุ้นไทยพื้นฐานดี ผู้ลงทุนได้รับประโยชน์
นายวศิน วณิชย์วรนันต์ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน เปิดเผยว่า สถานการณ์ COVID-19 ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมานับตั้งแต่คณะรัฐมนตรีมีมติให้การสนับสนุน SSF วงเงินพิเศษ สถานการณ์มีความรุนแรงมากขึ้น กระทบเป็นวงกว้างมากขึ้น สมาคมบริษัทจัดการลงทุน (สมาคมฯ ) เข้าใจถึงภาวะความยากลำบากในการประกอบกิจการ การหารายได้ที่เป็นไปในทิศทางที่ไม่พึงประสงค์และมีความลำบากยิ่ง ดังนั้นภารกิจในการส่งเสริมให้เกิดการลงทุนจึงไม่ใช่ภารกิจเร่งด่วนที่ควรทำแต่เป็นสิ่งที่ควรสนับสนุน การดูแลสุขภาพให้แข็งแรงตามนโยบายของรัฐบาล กระตุ้นเตือนให้มีการบริหารค่าใช้จ่าย เพื่อรอรับภาวะเศรษฐกิจถดถอยเช่นนี้ สำหรับผู้ถือหน่วยที่ลงทุนไปแล้วหรือไม่ก็ตาม หากมีข้อสงสัยหรือต้องการคำแนะนำอื่นใด ท่านสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ บุคคลากรขององค์กรนั้นโดยตรง พวกเราพร้อมที่จะให้คำแนะนำและคำปรึกษาให้กับทุกๆท่าน
นายกสมาคมฯ กล่าวต่อไปว่า นอกจากการบริหารจัดการลงทุนให้มีความรัดกุม รอบคอบแล้ว ทางสมาคมฯ และสมาชิกเห็นตรงกันที่จะตอบสนองนโยบายภาครัฐอันเป็นประโยชน์ต่อการออมการลงทุนในระยะยาวเพื่อความมั่นคงในอนาคต เพราะเชื่อมั่นว่ารัฐบาลสามารถจัดการสถานการณ์ COVID-19 ให้ผ่านพ้นไป ด้วยดีเหมือนเช่นเหตุการณ์รุนแรงสำคัญๆในอดีตที่ผ่านมา
สำหรับการเสนอขายกองทุนรวมเพื่อการออม (กองทุน SSF) นายกสมาคมฯ เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2563 ให้วงเงินลงทุนในกองทุน SSF พิเศษสูงสุด 200,000 บาท เพิ่มจากวงเงินลงทุนในกองทุน SSF ที่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีปกติสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท รวมสูงสุดสำหรับปีภาษี 2563 ไม่เกิน 400,000 บาท สมาคมฯ จึงได้ร่วมกันเตรียมความพร้อมในการเสนอขายกองทุน SSF โดยเฉพาะวงเงินพิเศษ มีกำหนดระยะเวลาลงทุน 3 เดือน คือ ในระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 30 มิถุนายน 2563 บลจ.ได้เตรียมความพร้อมที่จะเริ่มเสนอขายกองทุน SSF พิเศษ 13 บลจ. ในวันแรก คือ วันที่ 1 เมษายน 2563 ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการรวมพลังของเม็ดเงินจากการระดมทุนพร้อม ๆ กัน ช่วยกระตุ้นการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อันเป็นแหล่งระดมทุนที่สำคัญของบริษัทจดทะเบียนซึ่งเป็นกิจการหลักสำคัญของประเทศที่ส่งผลให้บริษัทอีกจำนวนมากที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานเดียวกันสามารถประกอบกิจการไปได้ ในขณะที่ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นไทยยังคงอยู่ในระดับที่ดีและราคาได้ปรับตัวลงมามากแล้ว จึงถือเป็นโอกาสการลงทุนที่ดีของผู้สนใจที่จะออมเงินระยะยาว
นายกสมาคมฯ กล่าวต่อไปว่า กองทุน SSF จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยส่งเสริมให้ประชาชนมีการออมระยะยาวมากขึ้น ในช่วงแรก บลจ. จะเน้นเสนอขายกองทุน SSF พิเศษ ซึ่งจะเน้นลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนไทย พร้อมกันจำนวน 13 บลจ. หลังจากนั้นจะเสนอขายเพิ่มเติมตามมาอีก 6 บลจ. ตามลำดับ
สำหรับกองทุน SSF วงเงินทั่วไปนั้น บลจ.จะทยอยจัดตั้งกองทุนออกมา โดยจะมีนโยบายการลงทุนให้เลือกหลากหลายตามความสนใจของผู้ลงทุน โดยผู้ลงทุนสามารถลงทุนนับตั้งแต่วันที่เสนอขายไปถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2567 สามารถนำไปลดหย่อนภาษีในแต่ละปีภาษีรวมกันทุกกองทุนได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับเงินลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD), กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.), กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน, กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) และเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท ในปีภาษีเดียวกัน
สมาคมฯ เชื่อมั่นว่านโยบายนี้จะเป็นประโยชน์ในระยะยาวต่อกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางถึงกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มที่เริ่มต้นทำงาน เป็นการช่วยให้ประชาชนเริ่มเรียนรู้ที่จะออมเงินและเข้าสู่ระบบการออมระยะยาว