โดย…กองทุนบัวหลวง
ในสถานการณ์ที่หลายประเทศต้องรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังควบคุมได้ไม่ดีนัก ประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศแรกที่เผชิญกับการแพร่ระบาดครั้งนี้ กลับผ่านวิกฤติมาได้อย่างแข็งแกร่ง จนทำให้กลายเป็นประเทศเดียวในโลกที่เศรษฐกิจเติบโตได้ในไตรมาสที่ 2
ด้วยเหตุนี้เอง ในด้านการลงทุน จีนซึ่งมีความน่าสนใจอยู่แล้ว จึงยิ่งเป็นดาวเด่นมากขึ้น และหากใครยังไม่เคยลงทุนในกองทุนหุ้นจีนเลย ก็ควรพิจารณามีไว้ในพอร์ตลงทุนระยะยาวบ้าง เพื่อโอกาสที่ดีในอนาคต
กองทุนบัวหลวง ในฐานะที่มีทีมงานซึ่งมีประสบการณ์ลงทุนในหุ้นจีนโดยตรง และยังได้แลกเปลี่ยนมุมมองที่น่าสนใจกับ อลิอันซ์ โกลบอล อินเวสเตอร์ หรือ AGI ซึ่งเป็นผู้รับดำเนินงานการลงทุนในต่างประเทศในกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นจีน (B-CHINE-EQ) ทำให้เรามองเห็นปัจจัยสำคัญ 3 ประการ ที่ทำให้บริษัทจดทะเบียนในจีนหลายอุตสาหกรรมมีศักยภาพเติบโตในระยะยาว จนนักลงทุนไม่อาจละสายตาจากหุ้นจีนได้
ประการแรก หลังเผชิญกับโควิด-19 ทำให้เราเห็นภาพชัดเจนว่า จีนมีความสามารถบริหารจัดการที่ดี นำเศรษฐกิจผ่าโควิด-19 ได้อย่างดี ด้วยเหตุนี้ เศรษฐกิจจีนจึงฟื้นตัวก่อนประเทศใด และวิกฤติครั้งนี้ทำให้เห็นการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจหลายส่วน ซึ่งจะเป็นผลดีในอนาคต เช่น การยกระดับมาตรฐานสาธารณสุข และการเร่งตัวของธุรกรรมออนไลน์ เป็นต้น
ประการต่อมา คือ จีนมีนโยบาย MADE IN CHINA 2025 มุ่งยกระดับบริษัทในประเทศสู่การผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูง ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อทดแทนการนำเข้า และส่งเสริมการบริโภคในประเทศ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ธุรกิจโดยรวมของจีนจะได้ประโยชน์จากนโยบายนี้ ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมจีน
ประการสุดท้าย ตลาดหุ้นจีนมีการปรับกฎเกณฑ์เอื้ออำนวยให้นักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุนในหุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น ที่เรารู้จักในนามหุ้นจีน A-Shares มากขึ้น ทั้งยังอำนวยความสะดวกบริษัทให้มาจดทะเบียนระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยี และมีการยกระดับด้านความโปร่งใสและธรรมาภิบาลอย่างมาก ขณะที่หุ้นจีน A-Shares ก็ถูกนำไปคำนวณในดัชนี MSCI Emerging Markets Index มากขึ้น ดังนั้น เราจึงมีโอกาสเห็นเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติไหลเข้าไปในตลาดหลักทรัพย์จีนมากขึ้นแน่นอน
แม้ว่าการลงทุนในหุ้นจีนเป็นโอกาสที่น่าสนใจก็จริง แต่การคัดเลือกกองทุนหุ้นจีนก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน เพราะตลาดจีนมีลักษณะเฉพาะตัว ในปัจจุบันมีสัดส่วนการลงทุนโดยนักลงทุนรายย่อยถึง 80% ทำให้ตลาดมีโอกาสผันผวนได้มาก ดังนั้นจึงต้องอาศัยผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญการลงทุนและมีความใกล้ชิดกับตลาดนี้เป็นอย่างดี คอยลงทุนในเชิงรุกโดยคัดสรรหุ้นรายตัวให้
อย่างเช่น กองทุนบัวหลวง ที่คัดเลือก AGI มาเป็นพันธมิตรรับดำเนินการลงทุนในกองทุน B-CHINE-EQ ส่วนหนึ่งก็เพราะเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญและใกล้ชิดกับตลาดจีนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม A-Shares
ขณะที่กองทุนบัวหลวงเองก็มีทีมงานร่วมมองหาโอกาสลงทุนในตลาดหุ้นจีน ให้กับกองทุน B-CHINE-EQ ไม่เกิน 20% ของ NAV ก็คอยติดตามการลงทุนในตลาดจีนอย่างใกล้ชิด ซึ่งปัจจุบันทีมงาน ให้น้ำหนักในการคัดเลือกหุ้น A-Shares ในกลุ่มบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค การผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์เทคโนโลยีด้าน 5G รวมถึงการเชื่อมต่อสิ่งต่างๆ กับอินเทอร์เน็ต (IoT) ที่รัฐบาลจีนมีนโยบายส่งเสริมอย่างมาก รวมทั้งกลุ่มวัตถุดิบตั้งต้นที่ใช้เป็นส่วนประกอบในการผลิตยาและวัคซีนด้วย
โดยรวมแล้ว กองทุนหุ้นจีนก็เป็นสินทรัพย์อย่างหนึ่งที่ควรมีไว้ในพอร์ตลงทุนระยะยาว แต่ไม่ได้หมายความว่านักลงทุนจะเทเงินทั้งหมดที่มีมาลงทุนผ่านกองทุนหุ้นจีนอย่างเดียว เพราะวิธีที่จะทำให้นักลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนในอัตราที่พึงพอใจที่สุด ก็คือ การกระจายเงินที่มีลงทุนในสินทรัพย์หลายๆ ประเภทนั่นเอง