Key Takeaways
- ตลาดหุ้นอาเซียนปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยได้แรงหนุนจากปัจจัยบวกหลายประการ ได้แก่ ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างไม่เป็นทางการ คือ นายโจ ไบเดน ทำให้ลดความเสี่ยงการค้าระหว่างประเทศลง ความคืบหน้าของวัคซีนโควิด-19 ที่คาดว่าจะใช้ได้ในกลางปีหน้า (อินโดนีเซียจะเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่ใช้วัคซีนในปีนี้) และ นโยบายการเงินการคลังที่ผ่อนคลายของประเทศในอาเซียนยังคงมีต่อเนื่อง นอกจากนี้การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐเป็นปัจจัยทำให้ตลาดหุ้นอาเซียนน่าสนใจมากขึ้นด้วย
- ตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน มีเงินทุนไหลเข้าตลาดอาเซียน เนื่องจากที่ผ่านมาหุ้นอาเซียนถูกเทขายไปมาก ประกอบกับการที่นักลงทุนทั่วโลกย้ายเงินลงทุนจากหุ้นเติบโตมายังหุ้นคุณค่า (Sector Rotation) ยิ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เงินไหลเข้ามากขึ้น เพราะส่วนใหญ่หุ้นในอาเซียนเป็นหุ้นคุณค่า เช่น สถาบันการเงิน และ พลังงาน โดยเงินทุนไหลเข้าในตลาดไทยและอินโดนีเซียมากที่สุด
- แนวโน้มตลาดหุ้นอาเซียน อาจมีความผันผวนได้ในระยะสั้น แต่มองภาพรวมแล้วยังมีแนวโน้มเชิงบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่มีผลจากการนำวัคซีนมาใช้ในปีหน้า โดยประเทศที่พึ่งพิงการท่องเที่ยวจะได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศให้สามารถเดินทางได้มากขึ้น ได้แก่ ไทยและสิงคโปร์ ในขณะที่ประเทศที่พึ่งพาการบริโภคในประเทศจะมีบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยในประเทศมากขึ้น ได้แก่ อินโดนีเซียและมาเลเซีย
- เวียดนามเป็นตลาดที่โดดเด่นมากในปีนี้ ทั้งในด้านเศรษฐกิจพื้นฐานและตลาดหุ้น กล่าวคือเศรษฐกิจเวียดนามได้รับผลกระทบจากน้อยกว่าประเทศอื่นๆ ในอาเซียน เพราะมีการควบคุมการแพร่ระบาดได้ดี และเศรษฐกิจพึ่งพาการส่งออกชิ้นส่วนโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่างๆ ในสัดส่วนที่สูง และมีตลาดส่งออกกระจายตัวทั่วโลก จึงได้รับผลบวกจากการ work from home ทั่วโลกอย่างเห็นได้ชัด GDP เวียดนามในปีนี้ขยายตัวเล็กน้อย สวนทางกับประเทศอื่นๆ ในอาเซียนที่ GDP ติดลบ นอกจากนี้ตลาดหุ้นเวียดนามมีข่าวดีจากการปรับเพิ่มน้ำหนักใน MSCI Frontier Index ซึ่งปัจจุบันมีน้ำหนักอยู่ที่ 18.72% (พฤศจิกายน 2563) จะเพิ่มเป็น 28.76% ภายในพฤศจิกายน 2564 กองทุน B-ASEAN และ B-ASEANRMF ลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามประมาณ 9%
- พอร์ตการลงทุน : ผู้จัดการกองทุนลดน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มธนาคารตั้งแต่ต้นปี เพราะเห็นว่าผลประกอบการได้รับผลกระทบและคุณภาพของหนี้ที่ยังไม่น่าวางใจ อย่างไรก็ตามเมื่อว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นนายโจ ไบเดน ผู้จัดการกองทุนจึงปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มธนาคารมากขึ้น รวมถึงลงทุนเพิ่มในหุ้นกลุ่มอื่น ๆ ด้วย และถือเงินสดน้อยลง โดยมีมุมมองเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกและการเปิดประเทศในปีหน้า และมองว่าเงินทุนจะไหลเข้าอาเซียนได้ต่อเนื่องเพราะตอนนี้ต่างชาติยังมีสัดส่วนในอาเซียนไม่มากนัก
ผลการดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ในอาเซียน
สัดส่วนการลงทุนในตราสารทุนแบ่งตามรายประเทศ เทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน
สัดส่วนการลงทุนของกองทุนแบ่งตามกลุ่มอุตสาหกรรม
ผลการดำเนินงานของกองทุน ณ 30 พฤศจิกายน 2563
B-ASEAN จัดตั้งวันที่ 31 มีนาคม 2559, B-ASEANRMF จัดตั้งวันที่ 2 มิถุนายน 2560
ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
เอกสารการวัดผลการดำเนินงานนี้จัดขึ้นตามมาตรฐานของ AIMC
คำเตือน – ข้อมูลในบทความนี้เป็นข้อมูลที่มีการเผยแพร่ต่อสาธารณะ ซึ่งนักลงทุนสามารถเข้าถึงได้โดยทั่วไป และเป็นข้อมูลที่เชื่อว่าน่าจะเชื่อถือได้ แต่ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (“บริษัท”) มิได้ยืนยันหรือรับรองถึงความถูกต้อง หรือสมบูรณ์ของข้อมูลดังกล่าวแต่อย่างใด ความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความนี้เป็นเพียงการนำเสนอในมุมมองของบริษัท และเป็นความคิดเห็น ณ วันที่ปรากฏในบทความเท่านั้น ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้ภายหลังวันดังกล่าว โดยบริษัทไม่จำเป็นต้องแจ้งสาธารณชน หรือผู้ลงทุนทราบ บทความฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้น บริษัทไม่รับผิดชอบต่อการนำข้อมูลหรือความคิดเห็นใดๆไปใช้ในทุกกรณี ดังนั้นผู้ลงทุนควรใช้ดุลพินิจในการพิจารณา เนื่องจากการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนจึงควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน และผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้ยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต