สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า บริษัทสถาบันการเงินระดับโลก รวมถึง โกลด์แมน แซคส์ แบล็คร็อค และฟิเดลิตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ต่างก็เพิ่มจำนวนพนักงานหลายร้อยคนในจีนสำหรับปีนี้ เนื่องจากพวกเขากลังมองหาโอกาสจากการที่จีนเปิดกว้างมากขึ้นสำหรับภาคการเงินที่มีมูลค่า 40 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ ช่วง 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา จีนเปิดเสรีเพิ่มขึ้น โดยหลักๆ มาจากข้อตกลงการค้าที่ทำกับสหรัฐฯ ซึ่งอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาเป็นเจ้าของกิจการในบริษัทร่วมทุนท้องถิ่นของตัวเองได้เต็มที่ รวมถึงด้านวาณิชธนกิจและการจัดการลงทุน โดยหลังจากได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับให้เพิ่มการถือครองหุ้นได้ และจัดการกับการหยุดชะงักที่เกิดขึ้นเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ บริษัทจากฝั่งตะวันตกก็พร้อมวางแผนส่งเสริมธุรกิจของตัวเองที่มีอยู่ รวมทั้งตัวแทนธุรกิจ และการจ้างงานเพิ่ม
สถาบันการเงินต่างชาติมีความต้องการจะมีสถานะที่ใหญ่กว่าเดิมในจีนมานานแล้ว และการขยายตัวของบริษัทเหล่านี้ก็เกิดขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน การเพิ่มกิจกรรมข้อตกลงในจีน และความมั่งคั่งที่เพิ่มอย่างรวดเร็ว
โกลด์แมน เป็นผู้นำสถาบันการเงินในวอลล์สตรีทที่มาดำเนินงานในจีน เป็นเจ้าแรกที่เข้ามาถือครองธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์ของตัวเองเต็ม 100% หลังจากที่เปิดให้บริการสำหรับชาวต่างชาติเมื่อเดือน เม.ย. 2020 โดยโฆษกโกลด์แมน กล่าวว่า บริษัทมีเป้าหมายหาพนักงานเพิ่ม 70 คนในจีนในปี 2021 และขยับเพิ่มพนักงานเป็น 600 คนในปี 2024 จากปัจจุบันมี 400 คน โดยการหาพนักงานรอบใหม่มุ่งเน้นที่ด้านวาณิชธนกิจ โบรกเกอร์ นักวิเคราะห์ และเจ้าหน้าที่เทคโนโลยี
ส่วน ฟิเดลิตี้ ก็เพิ่มพื้นที่สำนักงาน 3 เท่าในเซี่ยงไฮ้ เดือน ก.ย. ที่ผ่านมา รองรับการเติบโตอย่างรวดเร็ว ในช่วงที่บริษัทเตรียมพร้อมเปิดตัวธุรกิจจัดการกองทุนรวมที่เป็นเจ้าของ 100% หลังจีนเปิดให้ต่างชาติถือหุ้นได้ไม่จำกัดในธุรกิจนี้
ขณะที่ แบล็คร็อค ระบุว่า จะจัดตั้งธุรกิจร่วมทุนด้านบริหารจัดการความมั่งคั่ง โดยถือหุ้น 51% เป็นการร่วมธุรกิจกับเทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ และไชน่า คอนสตรัคชัน แบงก์ ในจีน โดยเวลานี้กำลังหาคนที่จะมาทำงานในตำแหน่งระดับสูงไม่ต่ำกว่า 10 คน ตามข้อมูลเว็บไซต์สมัครงานระดับโลก Glassdoor