สรุปความสัมภาษณ์ เสกสรร โตวิวัฒน์ CFP®
ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนทางการเงิน
การลงทุนในปัจจุบันมีความยากขึ้น เนื่องจากวิธีการลงทุน หรือรูปแบบการลงทุนมีให้เลือกมากมาย มีทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในต่างประเทศ ที่มีทางเลือกมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้นักลงทุนเริ่มไม่แน่ใจว่าจะต้องติดตามดูอย่างไร จัดสัดส่วนการลงทุนอย่างไร กองทุนบัวหลวงจึงมีการออกคำแนะนำให้ผู้ลงทุน ที่ชื่อว่า B-SELECT ออกมา เป็นการสะท้อนมุมมองของผู้จัดการกองทุนว่า ในช่วงเวลานั้นๆ มี Theme หลักของการลงทุนเป็นอย่างไร และมี Theme การลงทุนอะไรเป็นส่วนเสริม เพื่อให้ผู้ลงทุนพิจารณาตามแนวคิดนี้ และสามารถนำไปจัดพอร์ตลงทุนตามความต้องการของตนเองได้
ทั้งนี้ B-SELECT จะมีออกมาเป็นรายไตรมาส ส่วนคำแนะนำที่ให้นั้นมีกรอบระยะเวลานานแค่ไหน ไม่สามารถระบุได้ชัดเจน เนื่องจากการลงทุนในกองทุนแต่ละกอง เป็นการลงทุนระยะยาว การที่เราให้คำแนะนำว่า การลงทุนในกองทุนใดเป็น Theme หลัก จากนั้นอีก 3 เดือนก็มีการเปลี่ยนกองทุนแนะนำ ก็ไม่ได้หมายความว่า กองทุนเดิมไม่ดี เพียงแต่เป็นการให้คำแนะนำว่า กองทุนใหม่ที่แนะนำมีเรื่องราวที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นมา
การทำงานของผู้จัดการกองทุน อย่างเช่น กลุ่มกองทุน Bualuang Multi Asset Portfolio Solutions หรือ BMAPS เวลาปรับเปลี่ยนการลงทุน ก็ไม่ได้หมายความว่าย้ายจากกองทุนหนึ่งไปอีกกองทุนทันทีเลย เพียงแต่เมื่อมองว่าเวลานั้นมีเรื่องราวใดที่น่าสนใจออกมา น่าจะมุ่งเน้น ก็อาจจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในกองทุนนั้นก็ได้
ในคำแนะนำของ B-SELECT ล่าสุดที่ออกมานั้น จะมีการแบ่งส่วนที่เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุนในประเทศ และการลงทุนในต่างประเทศ โดยในส่วนของการลงทุนในประเทศ กองทุนบัวหลวงมีคำแนะนำลงทุนในกองทุนเปิดบัวแก้ว (BKA)ที่มีการลงทุนในหุ้น โดยกระจายการลงทุนค่อนข้างมาก และกองทุนเปิดบัวหลวงทศพล (BTP) ที่จะลงทุนในหุ้นไทยประมาณ 10 ตัว
สาเหตุที่แนะนำกองทุนเปิดบัวแก้ว เนื่องจากการลงทุนในไทยเวลานี้จะมี Theme การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากมีเรื่องของการกระจายวัคซีน ซึ่งที่ผ่านมาพบว่า ประเทศที่มีการกระจายวัคซีนให้กับประชาชนไปมากๆ จะมีอัตราการติดเชื้อและการเสียชีวิตลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งทุกคนก็คาดหวังว่า ประเทศที่มีการกระจายวัคซีนมากๆ ก็น่าจะเดินไปในทิศทางเดียวกัน เศรษฐกิจก็น่าจะกลับมา ประกอบกับช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นช้ากว่าตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน จากการที่มีประเด็นภายในประเทศ ทำให้ผู้จัดการกองทุนมองว่า ราคาหุ้นหลายตัวยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ เช่น หุ้นกลุ่มวัฎจักร หุ้นคุณค่า ซึ่งกองทุนนี้ ผู้จัดการสามารถปรับเปลี่ยนการลงทุนได้ค่อนข้างอิสระ ไม่มีกรอบนโยบายที่จำกัดการลงทุนเท่าไหร่
ในส่วนของกองทุนเปิดบัวหลวงทศพล เป็นกองทุนหุ้นในประเทศของกองทุนบัวหลวงที่มีความโดดเด่น เนื่องจากมีการคัดเลือกลงทุนหุ้นประมาณ 10 ตัว ซึ่งการลงทุนกระจุกตัวในหุ้นเพียง 10 ตัว ก็จะมีความเสี่ยงสูงกว่าการลงทุนในกองทุนเปิดบัวแก้ว แต่ที่ผ่านมา กองทุนเปิดบัวหลวงทศพล มีผลการดำเนินงานที่ดีระยะยาว เนื่องจากหุ้นที่เลือกมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี มีเรื่องราวที่พร้อมจะเติบโต ด้วยเหตุนี้ กองทุนเปิดบัวหลวงทศพล จึงเป็นอีกกองทุนที่น่าสนใจ สำหรับนักลงทุนที่อาจจะรับความเสี่ยงจากการลงทุนกระจุกตัวได้ ในการจัดสรรเงินมาลงทุน
สำหรับผู้ที่สนใจในกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศ ต้องอธิบายก่อนว่า การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศมี Theme ที่ค่อนข้างหลากหลาย มีทั้งการกระจายลงทุนในหุ้นหลากหลาย หุ้นรายอุตสาหกรรม และการลงทุนในหุ้นภูมิภาคต่างๆ ซึ่งกองทุนบัวหลวงก็มีกองทุนหลากหลายกองให้เลือก โดยที่กองทุนแนะนำที่ B-SELECT คัดเลือกมาในครั้งนี้ เป็น Global Play สำหรับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนในหุ้นทั่วโลก ก็คือ กองทุนเปิดบัวหลวงธีมเมติกออพพอร์ทูนิตี้ (B-GTO) ซึ่งเป็นกองทุนหุ้นต่างประเทศ ที่ไม่ได้จำกัดอุตสาหกรรม หรือภูมิภาคที่จะเข้าไปลงทุน สามารถไปลงทุนได้หลากหลาย แต่หัวใจสำคัญก็คือ ในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ มีหุ้นตัวไหนที่มีการปรับเปลี่ยนตัวเองใช้นวัตกรรมสู้กับ Disruption ได้ มีการใช้นวัตกรรมเพื่อสร้างเรื่องราวการเติบโตของธุรกิจ
นอกจากนี้ ยังมีคำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับการลงทุนใน Theme ในอุตสาหกรรม หรือภูมิภาคที่มีความโดดเด่น น่าสนใจ เพื่อชี้ให้นักลงทุนเห็นว่า เป็นการลงทุนซึ่งมีเรื่องราวที่สามารถลงทุนได้ระยะยาวเช่นกัน ซึ่งในไตรมาสที่ 2 นี้ กองทุนบัวหลวง แนะนำ การลงทุนใน Theme อุตสาหกรรม ที่มีความโดดเด่น 2 กองทุน คือ กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นเพื่อคนรุ่นใหม่ (B-FUTURE) ซึ่งเป็นกองทุนที่เราเน้นเรื่องของธุรกิจที่เติบโตไปพร้อมคนรุ่นใหม่ พฤติกรรมใหม่ๆ เติบโตไปพร้อมโลกอนาคต และกองทุนเปิดบัวหลวงยั่งยืน (B-SIP) ซึ่งเป็นการลงทุนในธุรกิจที่มีการดำเนินกิจการอย่างยั่งยืน ใช้นวัตกรรมเพื่อสร้างผลเชิงบวกให้กับสิ่งแวดล้อม
B-FUTURE จะมีการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนหลายๆ กอง รวมทั้งซื้อหุ้นบางตัวที่คิดว่าน่าสนใจ ซึ่งปัจจุบันเน้นลงทุนผ่านกองทุนที่ลงทุนในด้านปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI กองทุนที่ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการบริโภคของคนจีน ซึ่งมีความแข็งแกร่ง และกองทุนที่ลงทุนในเทคโนโลยีทางการเงิน หรือ Fintech กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมการชำระเงินรูปแบบใหม่ๆ รวมถึงระบบหลังบ้าน ที่ทำให้การทำธุรกรรมสะดวกมากขึ้น
ส่วน B-SIP จะไปลงทุนผ่าน 2 กองทุนของ Pictet Asset Management ได้แก่ กองทุน Pictet – Global Environmental Opportunities ที่เน้นลงทุนในบริษัทที่พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่มีส่วนช่วยแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมของโลกที่เกี่ยวข้องกับการขาดแคลนทรัพยากรและคุณภาพของสิ่งแวดล้อม เช่น การผลิตพลังงานทดแทน การใช้เทคโนโลยีจัดการปัญหาเรื่องน้ำ การทำเกษตรกรรมยั่งยืน และกองทุน Pictet – Clean Energy ที่เลือกลงทุนในบริษัทที่มีส่วนร่วมและได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Economy) รวมถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การผลิตที่สะอาดและเทคโนโลยีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ขณะที่ กองทุนที่เน้นลงทุนรายภูมิภาค กองทุนบัวหลวงแนะนำ กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นเอเชีย (B-ASIA) ซึ่งเราพบว่า ช่วงที่ผ่านมาที่เผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 ภาคเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่ง ทนทานจากผลกระทบโควิด-19 ได้ดี ประกอบกับหุ้นเอเชียเมื่อไปเทียบกับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ราคายังไม่ได้วิ่งไปไกล ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหุ้นในประเทศใหญ่ๆ พัฒนาแล้ว มีหุ้นเทคโนโลยีมาก ซึ่งเป็นหุ้นที่สู้กับโควิดได้ ได้รับผลกระทบน้อยจากโควิด หรือได้ประโยชน์จากโควิดในปีก่อน ผู้ลงทุนจึงเน้นไปในหุ้นกลุ่มนี้มาก ผลักดันราคาหุ้นกลุ่มนี้พุ่งไป ในขณะที่หุ้นเอเชีย จะได้ประโยชน์จากวัคซีน การกลับมาเปิดเมืองท่องเที่ยว เดินทาง ขณะเดียวกัน ราคาก็ยังน่าสนใจ ลงทุนได้อยู่
ไม่เพียงเท่านี้ ใน B-ASIA เอง ก็มีการให้น้ำหนักการลงทุนกับกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออก เช่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ ซึ่งทั้ง 2 ประเทศนี้มีความน่าสนใจ เพราะเป็นศูนย์กลางการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งมีความสำคัญพื้นฐานสำหรับเทคโนโลยีต่างๆ ที่มีความจำเป็นต้องใช้เซมิคอนดักเตอร์เป็นส่วนประกอบ
อีกกองทุนหนึ่งก็คือ กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นจีน (B-CHINE-EQ) ซึ่งมีเรื่องราวโดดเด่น ในฝั่งเอเชีย ไม่มีใครเหนือกว่าจีน ในแง่ของเศรษฐกิจ มีแผนที่แน่นอน รูปแบบการดำเนินนโยบายชัดเจน และจีนทุกวันนี้เป็นจีนยุคใหม่ เต็มไปด้วยนวัตกรรมและเรื่องราวใหม่ๆ
ลองนึกภาพว่า สมมติอเมริกา มีประชากรประมาณ 300-400 ล้านคน หากมีประชากรที่เป็นหัวกะทิเก่งๆ 1% ก็คือประมาณ 3 ล้านคน ที่สามารถคิดค้นนวัตกรรมออกมาใช้ได้จริงประมาณ 10% ก็คือ 3 แสนชิ้น
ในขณะที่จีนมีประชากรมากถึง 1,400 ล้านคน หากมีหัวกะทิสัดส่วนเท่ากันที่สามารถผลิตคิดค้นนวัตกรรมใช่ได้จริง ก็เท่ากับว่า จีนมีหัวกะทิ 14 ล้านคน และจะมีนวัตกรรมที่คิดค้นออกมาใช่้ได้จริงมากถึง 1.4 ล้านชิ้น และของที่ผลิตออกมาได้แล้ว มีผลต่อประชากรถึง 1,400 ล้านคน และยังสามารถขายได้ทั่วโลกด้วย เพราะฉะนั้นการที่จีนมีระบบการศึกษา ระบบการเติบโตของความคิดใหม่ๆ ทำให้จีนมีความน่าสนใจมาก โดยจีนให้ความสำคัญเรื่องการวิจัยและพัฒนาค่อนข้างโดดเด่น รวมทั้งผลักดันการบริโภคหมุนเวียนภายในประเทศมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ทำให้จีนเป็นประเทศที่ละทิ้งไม่ได้ในเรื่องของการลงทุน
โดยรวมแล้ว B-SELECT เป็นคำแนะนำสำหรับนักลงทุนที่ต้องการตัดสินใจจัดพอร์ตลงทุนด้วยตัวเอง ส่วนใครที่ไม่ต้องการติดตามการลงทุนเอง กองทุนบัวหลวงก็มีกองทุน Bualuang Multi Asset Portfolio Solutions หรือ BMAPS ซึ่งมีทั้งหมด 3 กองทุน คือ BMAPS100/BMAPS55/BMAPS25 ตามระดับความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงในการลงทุน โดย BMAPS100 ก็คือ กองทุนสำหรับคนที่พร้อมรับความเสี่ยงได้สูง BMAPS55 สำหรับคนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง และ BMAPS25 สำหรับคนที่รับความเสี่ยงได้น้อย โดยแต่ละกองทุนจะเป็นการลงทุนผ่านกองทุนที่กองทุนบัวหลวงมีอยู่