หุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways หลังยังขาดปัจจัยใหม่หนุน

หุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways หลังยังขาดปัจจัยใหม่หนุน

นับตั้งแต่เริ่มเข้าสู่เดือนที่สองของปี 2561 ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideways โดย SET Index ยังยืนระดับเหนือบริเวณดัชนี 1,800 จุดได้ หนุนโดยการปรับขึ้นของหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มพลังงานขนาดใหญ่ไม่กี่ตัวซึ่งมีปัจจัยเฉพาะตัว รวมทั้งการฟื้นของราคาหุ้นในอุตสาหกรรมที่เป็น Laggard เมื่อช่วงก่อนหน้า เช่น กลุ่มสื่อสาร โรงพยาบาล เป็นต้น แต่สำหรับหุ้นขนาดกลางหรือเล็กส่วนใหญ่นั้นให้ผลตอบแทนที่ไม่ดีนักในช่วงเดียวกัน ซึ่งน่าจะเป็นเพราะผลประกอบการในไตรมาส 4/2560 ที่ไม่โดดเด่นนักและทำให้มีแรงขายหุ้นบางตัวโดยเฉพาะหุ้นที่ราคาแพงกว่าปัจจัยพื้นฐานออกมาด้วย

สำหรับปัจจัยหนุนในประเทศ ด้านการบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัวอาจจะไม่ได้เป็นตัวหนุนตลาดได้มากนักหลังจากนี้ เนื่องจากตลาดได้สะท้อนความคาดหวังผ่านราคาหุ้นกลุ่มการบริโภคไปแล้วพอสมควร ส่วนการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนนั้นยังไม่เห็นการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจต้องรอให้เห็นความคืบหน้าของผลบวกจากโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มากขึ้น ตลาดถึงจะกลับมาให้น้ำหนักกับหุ้นที่เกี่ยวเนื่องกับการลงทุนโครงการภาครัฐหรือเอกชนอีกครั้งหนึ่ง

ตลาดหุ้นต่างประเทศที่ก่อนหน้านี้มีการปรับฐานลงจากความกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯเร็วกว่าที่คาด หลายตลาดสามารถยืนระดับหรือกลับมาทยอยปรับตัวขึ้นได้ ดังนั้น ปัจจัยการปรับขึ้นดอกเบี้ยไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้วอย่างมีนัยสำคัญในช่วงหลังจากนี้ แต่อาจจะส่งผลต่อตลาดประเทศเกิดใหม่บางแห่ง โดยเฉพาะประเทศที่มีสัดส่วนการกู้ยืมเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นปริมาณมาก ขณะที่ประเทศไทยเชื่อว่าคงได้รับผลกระทบไม่มาก เพราะมีเงินทุนสำรองต่างประเทศค่อนข้างสูง

โดยภาพรวมแล้ว เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways ต่อไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องด้วยความตึงตัวของ Valuation ของหุ้น Big cap ประกอบกับการขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆ ในภาพกว้าง การเลือกลงทุนหุ้นเป็นรายตัวจึงมีความสำคัญมาก โดยในช่วงนี้ การเลือกหาบริษัทลงทุนที่มีแนวโน้มผลประกอบการดีในอนาคตและยังมีราคาต่ำกว่าพื้นฐานนั้นเป็นสิ่งที่ค่อนข้างท้าทาย การที่ตลาดจะปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอาจจะต้องรอให้มีปัจจัยใหม่หรือเห็นสัญญาณการขยายตัวของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่มีนัยสำคัญมากกว่านี้