โดย อรพรรณ บัวประชุม CFP®
พูดถึงกองทุนต่างประเทศแล้ว โอ้โห มีหลากหลายกองมากๆ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนที่เจาะจงลงทุนเฉพาะประเทศ หรือตามทวีป เช่น สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น ยุโรป เอเชีย หรือเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนเฉพาะอุตสาหกรรม เช่น เทคโนโลยี นวัตกรรม กลุ่มเฮลธ์แคร์ ซึ่งสามารถลงทุนกระจายทั่วโลก หรือจะลงทุนเฉพาะบางประเทศก็ได้ขึ้นอยู่กับนโยบายลงทุนของกองทุนนั้นๆ แล้วความน่าสนใจกองทุนต่างประเทศอยู่ตรงไหน มาติดตามกันค่ะ
- ความน่าสนใจของกองทุนต่างประเทศอยู่ตรงไหน หุ้นไทยไม่น่าสนใจแล้วหรือยังไง?
ความน่าสนใจของกองทุนต่างประเทศอยู่ที่กองทุนไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ในไทยอาจจะไม่มี อย่างเช่นเทคโนโลยี นวัตกรรมสมัยใหม่ พลังงานสะอาด ที่เข้ามามีบทบาทกับการใช้ชีวิตของเรา และเป็นเทรนด์ในอนาคต ซึ่งการลงทุนในไทยจะเน้นไปที่กลุ่มพลังงาน ธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ฯ ยังไม่มีหุ้นในกลุ่มที่เป็นอินโนเวชั่น หรือเทคโนโลยีใหม่ๆ ดังนั้น การกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศจึงเป็นการเพิ่มโอกาสในการลงทุน ทำให้เราสามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความหลากหลายมากขึ้น
- การลงทุนในกองทุนต่างประเทศ ลงทุนตอนนี้แพงไปแล้วหรือยัง?
การลงทุนในกองทุนรวม ไม่เหมือนกับการซื้อหุ้นเองรายตัว การซื้อหุ้นรายตัวเราจะประเมินราคาหุ้นว่าควรมีราคาเท่าไหร่ หากปัจจุบันราคาสูงถึงราคานั้นแล้ว เราก็คงขายทิ้ง และไปหาหุ้นตัวใหม่แทน แต่การลงทุนในกองทุนรวม จะมีผู้จัดการกองทุนทำหน้าที่เลือกลงทุนหุ้นเข้ากองทุน หากหุ้นที่ลงทุนมีมูลค่าที่สูงเกินไป หรือมองแล้วโอกาสเติบโตน้อยลง ไม่น่าสนใจลงทุนก็ขายคืน และมองหาหุ้นใหม่ที่น่าสนใจลงทุน ดังนั้น ราคาหน่วยลงทุนที่แสดงในปัจจุบันจึงสะท้อนให้เห็นถึงมูลค่าในปัจจุบัน หากเรามองว่ามีโอกาสเติบโตได้ในอนาคตก็สามารถเลือกลงทุน หรือใช้วิธีทยอยลงทุนก็สามารถทำได้
- เลือกกองทุนต่างประเทศยังไง ต้องซื้อหลายกองทุนมั้ย?
กองทุนต่างประเทศมีหลากหลายนโยบายให้เลือก ดังนั้น นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้อย่างหลากหลาย ทั้งนี้ ควรคำนึงถึงความเสี่ยงที่ตัวเองรับได้ และเหมาะกับเป้าหมายที่ต้องการ
อย่างเช่น รับความเสี่ยงได้ปานกลางค่อนข้างสูง ต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ 30% สินทรัพย์เสี่ยงสูง 70% หากเลือกสัดส่วนการลงทุนแบบนี้ สมมติเงินลงทุน 100,000 บาท ก็แบ่งลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ 30,000 บาท อีก 70,000 บาท ก็เลือกลงทุนในกองทุนตราสารทุน ซึ่งมีหลากหลายนโยบาย หากต้องการลงทุนกองทุนละ 10,000 บาท ก็สามารถลงทุนได้ถึง 7 กองทุนด้วยกัน (แต่ถ้าเราต้องการลงทุนแค่ 3-4 กองทุนก็แบ่งสัดส่วนเงินที่ลงทุนได้) เช่น กองทุนเปิดบัวแก้วซึ่งลงทุนในหุ้นไทย หรือการเลือกกองทุนหุ้น เน้นการเติบโตตามภูมิภาค เช่น จีน (B-CHINE-EQ) อเมริกา (B-USALPHA) ลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีอย่าง B-INNOTECH ลงทุนในการจัดการสิ่งแวดล้อมและพลังงานสะอาด อย่าง B-SIP การเลือกลงทุนแบบกระจายการลงทุนในหุ้นรอบโลกอย่าง B-GLOBAL และ BCARE ที่เน้นการลงทุนในบริษัทอุตสาหกรรม Health Care ทั่วโลก การกระจายการลงทุนหลากหลายนโยบาย หลากหลายกองทุน ก็ช่วยเพิ่มโอกาสในการลงทุน และลดความเสี่ยงจากการลงทุนแบบกระจุกตัวนั่นเอง
การลงทุนต่างประเทศนอกจากจะเป็นทางเลือกแล้ว ยังมีโอกาสการลงทุนใหม่ๆ ที่การลงทุนในประเทศไม่มีแถมยังเป็นการกระจายความเสี่ยงด้วย เพราะหากมีสถานการณ์อะไรมากระทบในประเทศ แน่นอนว่าต้องส่งผลกระทบถึงหุ้นไทยด้วย หากเรากระจายการลงทุนไปหลากหลายประเทศก็ช่วยลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวลงทุนเพียงประเทศเดียวได้นั่นเองค่ะ