นายสันติ ธนะนิรันดร์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ กองทุนบัวหลวง เปิดเผยว่า ในขณะที่ โลกกำลังเดินหน้าสู่อนาคตอย่างรวดเร็ว ภายใต้แรงผลักดันจากการพัฒนานวัตกรรมด้านเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะมาขับเคลื่อนโลก เช่น เทคโนโลยีโลกเสมือน กองทุนบัวหลวง จึงมองว่า ในช่วง 10 ปีข้างหน้า กลุ่มเทคโนโลยีจะกลายเป็นหนึ่งในธีมการลงทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างดี หรือเป็นหนึ่งใน Top-Performing Sector ที่นักลงทุนควรมีไว้ในพอร์ต ที่สำคัญโดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดหุ้นมีการปรับฐาน หรือ correction เนื่องจากความกลัวเรื่องไวรัสสายพันธุ์ใหม่ เงินเฟ้อหรือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ถือเป็นจังหวะที่ดีสำหรับการเข้าลงทุนระยะยาว
ทั้งนี้ กองทุนบัวหลวงมีกองทุนที่ลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้เลือกหลากหลาย ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้ลงทุน 14 กองทุน ซึ่งข้อมูล ณ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 มูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมกันไม่ต่ำกว่า 40,898 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นกองทุนรวมทั่วไป 6 กองทุน และกองทุนรวมประหยัดภาษีอย่าง กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) รวม 8 กองทุน
โดยเริ่มต้นจากกองทุน B-INNOTECH และ B-INNOTECHRMF ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เป็นบริษัทพื้นฐานในชีวิตประจำวัน แต่ยังสามารถสร้างการเติบโตได้ต่อเนื่อง ต่อมาก็เป็นกองทุนที่นำเทคโนโลยีมาต่อยอด ได้แก่ B-GTO กับ B-GTORMF และ B-GTOSSF ลงทุนในธุรกิจต่างๆ ที่นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มยอดขาย หรือกองทุนที่นำความก้าวหน้าของนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีมาเพื่อดูแลโลก อย่าง B-SIP พร้อมด้วย B-SIPRMF และ B-SIPSSF และกองทุน B-FINTECH ซึ่งลงทุนในหุ้นเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีทางการเงิน กองทุน BCARE และ BCARERMF ลงทุนกับนวัตกรรมดูแลสุขภาพ นอกจากนี้ก็มีกองทุนที่มองหาโอกาสจากธุรกิจที่เป็นเทรนด์อนาคตที่จะมา อย่าง B-FUTURE กับ B-FUTURERMF และ B-FUTURESSF
กองทุน B-INNOTECH และ B-INNOTECHRMF นั้นเป็นหนึ่งในกองทุนที่พิสูจน์ฝีมือให้ผู้ลงทุนสายที่ชื่นชอบเทคโนโลยีได้เห็นมาแล้ว ผ่านผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา เนื่องด้วยวิธีการจัดการลงทุนที่นอกจากจะเน้นธุรกิจที่ผลิตสินค้าและให้บริการที่เราคุ้นเคยกันอยู่แล้ว อย่างเช่น Microsoft, Apple, Alphabet (google), Amazon เป็นต้น ยังลงไปที่หัวใจของธุรกิจด้านนี้ โดยเลือกลงทุนในธุรกิจผู้ผลิตชิปสำหรับรถยนต์อีวี เป็นต้น
สำหรับในช่วงโค้งสุดท้ายสำหรับกองทุนลดหย่อนภาษี B-INNOTECHRMF ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าลงทุน โดย ณ วันที่ 29 ตุลาคม 2564 กองทุนมีผลการดำเนินงานตามช่วงเวลา ตั้งแต่ต้นปีที่ 24.52% และมีผลการดำเนินงานรอบ 1 ปี อยู่ที่ 48.91% ต่อปี รอบ 3 ปี อยู่ที่ 28.92% ต่อปี และนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน อยู่ที่ 28.50% ต่อปี
ผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า ข้อมูลสำคัญ นโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน
ความเสี่ยง และสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุในคู่มือการลงทุน RMF หรือ SSF ก่อนการตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
การป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนขึ้นกับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
กองทุนบัวหลวง
2 ธันวาคม 2564