SUPEREIF เตรียมจ่ายปันผลครั้งที่ 10 ในอัตรา 0.25272 บาทต่อหน่วย วันที่ 10 มิ.ย. นี้

SUPEREIF เตรียมจ่ายปันผลครั้งที่ 10 ในอัตรา 0.25272 บาทต่อหน่วย วันที่ 10 มิ.ย. นี้

ข่าวประชาสัมพันธ์

                                                                                   Press Release

นายพรชลิต  พลอยกระจ่าง  รองกรรมการผู้จัดการ  Head of Real Estate & Infrastructure Investment บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ BBLAM เปิดเผยว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF) จะจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 10 สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสแรก หรือระหว่างวันที่  1  มกราคม – 31 มีนาคม 2565  จากกำไรสะสม ในอัตราหน่วยลงทุนละ  0.25272 บาท โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 26 พฤษภาคม 2565  และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 10 มิถุนายน 2565

เมื่อนับรวมตั้งแต่จัดตั้งกองทุน  จนถึงการประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งล่าสุด SUPEREIF จ่ายเงินปันผลรวม 10 ครั้ง คิดเป็นเงิน 2.23031 บาทต่อหน่วย  และจ่ายเงินคืนทุนไป 1 ครั้ง  ในอัตรา  0.040 บาทต่อหน่วย รวมเป็นเงินปันผลและเงินคืนทุนที่จ่ายออกไปทั้งสิ้น 2.27031 บาทต่อหน่วย

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสแรก  ปี 2565 นั้น  SUPEREIF  มีรายได้รวม  225.8 ล้านบาท ลดลง 5.0% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 17.8% จากไตรมาสที่ 4 ปี 2564 ส่วนรายได้จากการลงทุนสุทธิอยู่ที่ 184.3 ล้านบาท ลดลง 4.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 23.4% จากไตรมาสที่ 4 ปี 2564 อัตรากำไรจากรายได้จากการลงทุนสุทธิอยู่ที่  81.6%  สูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน  ซึ่งอยู่ที่ 81.2%  และสูงกว่าไตรมาสที่ 4 ปี 2564 ซึ่งอยู่ที่ 77.9%

ทั้งนี้ SUPEREIF ลงทุนในสิทธิในรายได้สุทธิจากการดำเนินโครงการกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินขนาดเล็กมากของบริษัท 17 อัญญวีร์ โฮลดิ้ง จำกัด และ บริษัท เฮลท์ แพลนเน็ท เมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 19 โครงการ ตั้งอยู่ในพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี สระบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ ปราจีนบุรี สระแก้ว พิจิตร และเพชรบูรณ์ โดยมีปริมาณพลังไฟฟ้าสูงสุดที่เสนอขายตามที่ระบุในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือการไฟฟ้านครหลวง (แล้วแต่กรณี) รวม 118 เมกะวัตต์

ขณะที่ ระยะเวลาโอนสิทธิรายได้สุทธิ  เริ่มตั้งแต่วันที่  14 สิงหาคม 2562  จนถึงวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแต่ละโครงการ ซึ่งระยะเวลาซื้อขายไฟฟ้าภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 21-22 ปี นับจากวันที่ 14 สิงหาคม 2562 โดยวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าโครงการสุดท้ายจะสิ้นสุดในวันที่ 26 ธันวาคม 2584

 

ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน

ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

 

BBLAM

12 พฤษภาคม 2565