INVESTMENT STRATEGY
ถ้าเศรษฐกิจถดถอยมาจริง ตลาดก็ลงไปได้อีก แต่ถ้าให้ประเมินแล้วปีนี้ก็น่าจะยังไม่เกิดเศรษฐกิจถดถอย อย่างไรก็ตามการจับจังหวะลงทุน หวังจะได้ราคาต่ำสุดช่วงเศรษฐกิจถดถอย ก็อาจจะไม่ใช่คำตอบ เพราะไม่มีใครรู้ว่าจุดต่ำสุดคือเมื่อไหร่ มีวินัยแล้วลงทุนแบบ DCA ก็น่าจะตอบโจทย์สถานการณ์ช่วงนี้มากกว่า
BBLAM ได้รับคำถามจากนักลงทุนมาว่า โลกเรากำลังจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยแล้วใช่รึเปล่า และในภาวะแบบนี้ลงทุนอย่างไรดี ซึ่งในประเด็นนี้ คุณมทินา วัชรวราทร CFA® Head of Investment Strategy จาก BBLAM เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมามีแรงเทขายหุ้นในตลาดออกมามาก เพราะตลาดมีความกังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์เศรษฐกิจถดถอย หรือ recession โดยสัญญาณที่บ่งบอกว่าตลาดมีความกังวล ได้แก่
- ผู้จัดการกองทุนถือเงินสดมากขึ้น – Active fund ต่างถือเงินสดกันมากขึ้นในปี 2022 และถือเงินสดในสัดส่วนสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงวิกฤติฟองสบู่ดอทคอม
- ราคาต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) ปรับลดลงมา 20% ตั้งแต่ต้นปี ซึ่งหมายถึง ราคาหุ้นถูกลง 20% แล้ว
- สัญญาณชี้เศรษฐกิจถดถอย – ค่าความเสี่ยงต่างๆ สูงราวกับว่าจะเกิดเศรษฐกิจถดถอย
- รายย่อยเทขาย
- คนมองหาส่ิงที่ปลอดภัยขึ้น – ค่าความเสี่ยงของหุ้นเมื่อเทียบกับพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้นมาก
แต่สิ่งที่ทำให้นักลงทุนกลัวแต่ก็อยากเข้าเก็บ ก็คือ ข้อมูลปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ใช้วัดว่าจะเกิดเศรษฐกิจถดถอยหรือไม่ ก็พบว่า ตัวเลขยังแข็งแกร่งอยู่ ไม่ว่าจะเป็น ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ การปรับประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียน การเติบโตของยอดขาย กำไร
ดังนั้นการที่นักลงทุนเลือกเทขายก็สะท้อนว่า ตลาดมองไปล่วงหน้า 6-9 เดือนข้างหน้าแล้วว่าจะเกิดเศรษฐกิจถดถอย ทั้งที่ตัวเลขจริงยังไม่ได้ชี้ชัดเลยว่าจะเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามก็พบว่าเมื่อตลาดตกลงมามาก ก็จะมีนักลงทุนทยอยเข้ามาเก็บ ก็แสดงว่าในตลาดก็ไม่ได้มองเหมือนกันไปทั้งหมด เพราะจากข้อมูลพบว่า มุมมองที่เกิดขึ้นในเวลานี้มี 2 ฝั่ง คือ
- เงินเฟ้อจะปรับลดลงมา แล้วไม่เกิดเศรษฐกิจถดถอยในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
- เงินเฟ้อจะสูงมากอยู่ และจะเกิดเศรษฐกิจถดถอย เข้าสู่ภาวะ stagflation คือ ภาวะที่เงินเฟ้อสูงแต่เศรษฐกิจหดตัว ซึ่งผลที่ตามมาจากมุมมองนี้คือ ตลาดหุ้นจะไม่ปรับขึ้น
โดยรวมแล้ว คุณมทินา เชื่อว่า ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่มีผลกระทบจากเหตุการณ์หลายอย่างเข้าสอดแทรก ขณะเดียวกันก็มีหุ้นของธุรกิจในหลายธุรกิจที่เข้าไปคัดดู ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยี พลังงานสะอาด Healthcare ต่างก็ยังมีแนวโน้มธุรกิจที่ดี
การมองหาโอกาสการลงทุน จับจังหวะตลาด เข้าซื้อในช่วงที่ตลาดหุ้นลงไปต่ำที่สุดในภาวะเศรษฐกิจถดถอย คุณมทินา มองว่า ในช่วงเวลาแบบนี้เราไม่รู้หรอกว่าตลาดจะลงไปลึกที่สุดเท่าไหร่ ฉะนั้นโอกาสการขาดทุนมีสูง และ “เราไม่รู้หรอกว่าวันไหนจะเป็นวันที่ดีหรือแย่ที่สุดในตลาด ถ้าเราคิดจะจับจังหวะตลาด พลาดไปแค่วันเดียวในช่วง 10 ปี โอกาสให้ผลตอบแทนแตกต่างกันก็สูงมาก”
จากข้อมูลในช่วงปี 1930-2020 ดัชนี S&P500 ให้ผลตอบแทนรวม 20,653% แต่ถ้าในระหว่างช่วงเวลานี้ นักลงทุนไปจับจังหวะการลงทุนผิด พลาดช่วง 10 วันแรกที่ดีที่สุดในแต่ละช่วง 10 ปีไป ผลตอบแทนอาจจะเหลือแค่ 49% เท่านั้น
เมื่อเป็นเช่นนี้ BBLAM จึงแนะนำว่า นักลงทุนสามารถใช้วินัยในการลงทุน คือ ทยอยเข้าลงทุนด้วยจำนวนเงินเท่ากันทุกเดือน หรือ DCA เข้ามาช่วยลดความสูญเสียที่เกิดจากการจับจังหวะผิดพลาดได้ และถ้าไม่มีเวลาติดตามการลงทุน หรือปรับพอร์ตเอง ก็ยกหน้าที่นี้ให้ผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญดูแล
กองทุนแนะนำทยอยสะสม ได้แก่ B-INNOTECH, B-SIP, BCARE
กองทุนจัดพอร์ตพร้อมโอกาสรับรายได้จากกระแสเงินสดทุกไตรมาส ได้แก่ B-INCOME
กองทุนจัดพอร์ตเลือกได้ตามต้องการ ได้แก่ BMAPS25, BMAPS55 และ BMAPS100
กองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ B-INNOTECHRMF, B-INNOTECHSSF, BCARERMF, B-SIPRMF, B-SIPSSF, B-INCOMESSF