เมื่อวันที่ 1 กันยายน สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า นครเฉิงตู หนึ่งในเมืองใหญ่ที่สุดของจีนและเป็นเมืองเอกของมณฑลเสฉวน เป็นเมืองล่าสุดของจีนที่ได้ประกาศล็อกดาวน์เมือง ที่มีประชากรราว 21.2 ล้านคนแห่งนี้ โดยมีผลในวันเดียวกันนี้ เพื่อสกัดการระบาดของโรคโควิด-19 ภายใต้ยุทธศาสตร์โควิดเป็นศูนย์ของรัฐบาลปักกิ่ง โดยในวันเดียวกันนี้ เฉิงตูยังมีรายงานผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก 157 ราย โดยเป็นผู้ไม่ได้แสดงอาการ 51 ราย
ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์นี้ ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเฉิงตูทั้งหมดถูกสั่งห้ามออกนอกบ้านเริ่มจากเวลา 18.00 น.ของวันพฤหัสบดี (1 ก.ย.) เป็นต้นไป โดยจะอนุญาตให้แต่ละครัวเรือนส่งคนในครอบครัวเพื่อออกไปซื้อหาอาหารข้าวของเครื่องใช้จำเป็นได้วันละ 1 คนเท่านั้น และจะเริ่มทำการตรวจเชื้อโควิดให้กับประชาชนทุกคนในเมืองเป็นเวลา 4 วัน
อย่างไรก็ดี ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า จะมีการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ในทันทีหรือไม่ หลังจากการตรวจหาเชื้อหมู่ให้กับชาวเมืองเฉิงตูที่จะดำเนินไปถึงวันอาทิตย์ (4 ก.ย.) นี้เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย
นอกจากนี้ พนักงานในภาคธุรกิจที่ไม่จำเป็นในเฉิงตู ยังถูกร้องขอให้ทำงานที่บ้านและขอให้ประชาชนไม่ออกนอกเมือง เว้นแต่มีเหตุจำเป็น ส่วนผู้ที่ต้องออกจากเคหะสถานเพื่อไปพบแพทย์หรือกิจธุระจำเป็นอื่นๆ จะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่ในแต่ละพื้นที่เสียก่อน
ขณะที่ ข้อมูลจากไฟลท์มาสเตอร์ระบุว่า เที่ยวบินเข้า-ออกนครเฉิงตู ได้ถูกหั่นลดลงด้วย โดย ณ เวลา 10.00 น.ของวันเดียวกันนี้ตามเวลาท้องถิ่น พบว่ามี 398 เที่ยวบินที่ถูกยกเลิกไปที่สนามบินซวงหลิว ในนครเฉิงตู คิดเป็นอัตรายกเลิกเที่ยวบิน 62% และยกเลิกที่สนามบินเทียนฟู่ 79%
ส่วนเมืองใหญ่อื่นๆ ของจีน รวมถึงนครเสิ่นเจิ้น ทางตอนใต้และเมืองต้าเหลียน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ยังยกระดับมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ที่เข้มงวดยิ่งขึ้นในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งมีมาตรการตั้งแต่ให้ทำงานที่บ้านไปจนถึงสั่งให้สถานบันเทิงปิดให้บริการ
ที่มา: รอยเตอร์