จีนจะหยุดบังคับนักเดินทางขาเข้าจากการเข้าสู่การกักกันโรค เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 มกราคมเป็นต้นไป จากการเปิดเผยของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติในวันจันทร์ (26 ธ.ค.) ความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในการมุ่งหน้าสู่การผ่อนปรนมาตรการควบคุมชายแดน ซึ่งถูกปิดตายเป็นส่วนใหญ่มาตั้งแต่ปี 2020
นอกจากนี้ การบริหารจัดการโควิด-19 ของจีน จะถูกปรับลดสู่ระดับ Category B จากระดับ Category A ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขระบุ เนื่องด้วยโรคติดต่อนี้มีความอันตรายน้อยลง และจะค่อยๆ พัฒนาสู่โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจทั่วไป
มาตรการอดทนเป็นศูนย์ที่บังคับใช้มานาน 3 ปี ไล่ตั้งแต่ปิดชายแดนต่างๆ ไปจนถึงล็อกดาวน์บ่อยครั้ง ได้ทุบทำลายเศรษฐกิจจีน และเมื่อเดือนที่แล้ว มันโหมกระพือการแสดงออกถึงความไม่พอใจของประชาชนครั้งใหญ่ที่สุดในจีนแผ่นดินใหญ่ นับตั้งแต่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ก้าวขึ้นสู่อำนาจในปี 2012
อย่างไรก็ตาม จีนตัดสินเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างกะทันหันในเดือนนี้ ยกเลิกข้อจำกัดสกัดโควิด-19 ภายในประเทศเกือบทั้งหมด ความเคลื่อนไหวที่ทำให้โรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศต้องตะเกียกตะกายรับมือกับระลอกคลื่นผู้ติดเชื้อทั่วประเทศ
เบื้องต้น ข้อกำหนดอันเข้มงวดเกี่ยวกับนักเดินทางขาเข้ายังคงมีผลบังคับใช้ ในนั้นรวมถึงมาตรการบังคับกักโรค 5 วัน ตามสถานที่ต่างๆ ที่ตรวจตราโดยรัฐบาล พร้อมกับกำหนดให้กักโรคตนเอง ณ ที่อยู่อาศัยอีก 3 วัน
กระนั้น ล่าสุดเจ้าหน้าที่สาธารณสุขระบุว่า ข้อจำกัดดังกล่าวต่อบรรดาผู้โดยสารบนเที่ยวบินระหว่างประเทศจะถูกยกเลิกตั้งแต่วันที่ 8 มกราคมเป็นต้นไป แต่นักเดินทางที่เดินทางเข้าสู่จีนจะยังคงต้องทำการตรวจเชื้อแบบ PCR ก่อนออกเดินทางจากประเทศต้นทางเป็นเวลา 48 ชั่วโมง
เจ้าหน้าที่ระบุว่า การเตรียมการรองรับชาวต่างชาติที่เดินทางมาจีน ทั้งมาเพื่อทำงานและทำธุรกิจ จะได้รับการปรับปรุงและจะมีการอำนวยความสะดวกทางวีซ่าให้แก่ผู้ที่ประสงค์จะเดินทางเข้าประเทศด้วย
นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2020 จีนจัดให้โควิด-19 เป็นโรคติดเชื้อ Category B แต่บริหารจัดการมันภายใต้กฎเกณฑ์ของ Category A ที่ครอบคลุมถึงโรคติดต่อต่างๆ เช่น กาฬโรคต่อมน้ำเหลือง และอหิวาตกโรค มอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกักโรคคนไข้และผู้สัมผัสใกล้ชิด รวมถึงล็อกดาวน์ระดับท้องถิ่น
แม้จีนลดระดับบริหารจัดการไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ แต่ทางคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติบอกว่า จะมีการยกระดับกฎระเบียบด้านการป้องกันและควบคุมโรคระบาดใหญ่ตามสถาบันต่างๆ ที่มีความสำคัญ ในนั้นรวมถึงบ้านพักคนชรา
เจ้าหน้าที่ เผยว่า หากการแพร่ระบาดรุนแรงขึ้น สถาบันเหล่านี้จะบังคับใช้สิ่งที่เรียกว่า การบริหารจัดการแบบปิด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค นอกจากนี้ จีนยังจะยกระดับอัตราการฉีดวัคซีนในหมู่คนชราเพิ่มเติม และเร่งเร้าให้ประชาชนที่มีความเสี่ยงสูงจากการติดเชื้ออาการรุนแรงเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็ม 2
จีนกลายเป็นประเทศใหญ่รายสุดท้ายที่มุ่งหน้าสู่การปฏฺิบัติกับโควิด-19 ในฐานะโรคประจำถิ่น หลังจากมาตรการคุมเข้มของพวกเขาฉุดรั้งเศรษฐกิจมูลค่า 17 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวในอัตราชะลอตัวมากที่สุดในรอบกว่าครึ่งศตวรรษ ก่อความปั่นป่วนแก่ห่วงโซ่อุปทานและการค้าโลก
ที่มา : รอยเตอร์