เศรษฐกิจแดนมังกรโตเร็วเกินคาดจากแรงหนุนของผู้บริโภค ที่กลับมาจับจ่ายใช้สอยอย่างคักคัก หลังจากรัฐบาลจีนยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์
สำนักสถิติแห่งชาติจีน รายงานเมื่อวันอังคาร ( 18 เม.ย.) ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนในไตรมาสแรกของปีนี้โตร้อยละ 4.5 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี2565 และโตแซงหน้าจีดีพีของไตรมาสที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 2.9 โดยจีดีพีในไตรมาสแรก ที่ทางการประกาศนี้ยังขยายตัวมากกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ร้อยละ 4 อีกด้วย จึงนับเป็นการเติบโตแข็งแกร่งสุดในรอบหนึ่งปี
อย่างไรก็ตาม ทางการจีนเตือนว่า เศรษฐกิจจีนอาจเผชิญแรงกดดันในด้านการนำเข้าและส่งออกสินค้าในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ท่ามกลางบรรยากาศเศรษฐกิจในโลกที่ผันผวน นอกจากนั้น ความต้องการของผู้บริโภคในประเทศยังนับว่าไม่เพียงพอ ที่จะหนุนให้เศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลกอย่างจีนแข็งแกร่งได้อย่างแท้จริง โดยทางการจะนำนโยบายต่างๆ มาบังคับใช้ต่อไป เพื่อรักษาเสถียรภาพการเติบโตของเศรษฐกิจและกระตุ้นความต้องการบริโภคภายในประเทศ ตลอดจนช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมเกิดใหม่ (emerging industries) ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่นำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ อีกด้วย
ข้อมูลในไตรมาสแรกของจีน นับว่ามีความสำคัญและนักลงทุนต่างจับตามองอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้ หลังจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ยุติลงในเดือนธ.ค. 2565 และรัฐบาลจีนได้ผ่อนคลายการคุมเข้มบริษัทกลุ่มเทคโนโลยีและอสังหาริมทรัพย์ที่ดำเนินมานาน 3 ปีไปแล้ว โดยนโยบายโควิดเป็นศูนย์เคยทำให้จีดีพีของจีนในปี 2565 มีการขยายตัวต่ำมากที่สุดครั้งหนึ่งในรอบเกือบครึ่งศตวรรษ
นายจาง จื่อเหว่ย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ “พินพอยต์ แอสเซต แมเนจเมนต์” (Pinpoint Asset Management) ระบุว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีนกำลังดำเนินไปสู่เป้าหมาย และการบริโภคในประเทศกำลังสดใสจากความเชื่อมั่นของภาคครัวเรือนที่ฟื้นตัวดีขึ้น
ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกสินค้าผู้บริโภคในเดือนมี.ค. โตร้อยละ 10.6 เมื่อเทียบกับเดือนมี.ค. ปีก่อน และโตร้อยละ 7.1 เมื่อเทียบกับช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้
นอกจากนั้น นายจางมองว่า การส่งออกที่เติบโตแข็งแกร่งในเดือนมี.ค. น่าจะเป็นปัจจัยช่วยหนุนการเติบโตของจีดีพีในไตรมาสแรกด้วยเช่นกัน
ที่มา : รอยเตอร์ / เอพี