จากโพลของรอยเตอร์ ซึ่งสำรวจจากนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 106 คน ระบุว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงข้ามคืน หรืออัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% มาอยู่ที่กรอบ 5.25-5.50% ในวันที่ 26 ก.ค.นี้ ด้วยเสียงข้างมากยังคงกล่าวว่า ครั้งนี้จะเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายของวัฏจักรคุมเข้มนโยบายในปัจจุบัน
เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้เร็วและอัตราการว่างงานที่ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เป็นเวลานานกว่า 1 ปี นับตั้งแต่เฟดเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่แข็งกร้าวที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งทำให้นักวิเคราะห์และนักลงทุนทั้งหลายสับสนอยู่หลายครั้ง
อัตราเงินเฟ้อกำลังร่วงลง โดยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปวัดค่าได้ชะลอตัวลงสู่ระดับ 3.0% ในเดือน มิ.ย. จาก 4.0% ในเดือน พ.ค. ซึ่งทำให้ผู้สังเกตการณ์ในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท สรุปลงความเห็นว่า อัตราเงินเฟ้ออาจจะควบคุมได้ง่ายในไม่ช้านี้ กระตุ้นให้มีการเดิมพันครั้งใหม่ว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจจะเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุด คือ สิ้นปี 2566 นี้
การโต้เถียงในขณะนี้ คือ การปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มอีก อาจจะจำเป็นเพื่อทำให้มั่นใจว่า “ภาวะเงินเฟ้อลดลง” จะดำเนินต่อไปได้หรือไม่ หรือหากว่า ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มอีก อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจอย่างไม่จำเป็น
แต่อัตราเงินเฟ้ออ้างอิงยังคงเป็นปัญหาและประธานเฟด นายเจอโรม พาวเวลล์ และเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางคนอื่นๆ กล่าวว่า การคุมเข้มนโยบายการเงินกำลังจะมาถึง ถึงแม้ว่า พวกเขาตัดสินใจที่จะหยุดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา
มุมมองที่ว่า อัตราดอกเบี้ยจะอยู่สูงขึ้นและยาวนานขึ้นดูเหมือนว่า จะมีความเห็นด้วยมากขึ้น ด้วยสัดส่วนผู้ตอบแบบสำรวจในช่วงวันที่ 13-18 ก.ค. ซึ่งคาดการณ์ว่า จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้งภายในสิ้นเดือน มี.ค.ปีหน้า ลดลงอย่างฉับพลันสู่ระดับ 55% จากเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ 78%
นาย Jan Nevruzi นักกลยุทธ์ด้านอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ กล่าวว่า “สำหรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ถึงแม้ว่า ภาพของอัตราเงินเฟ้อผู้บริโภค (CPI) จะอ่อนลง แต่เรายังคงคาดว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ก.ค. และขณะที่ เราหวังว่า การอ่อนลงของอัตราเงินเฟ้อยังคงมีอยู่ มันจะเป็นการไม่ฉลาดจากจุดยืนของผู้กำหนดนโยบายที่จะเชื่อถือในสิ่งนั้น”
“เราไม่ต้องการเร่งรีบเดินหน้า และพูดได้ว่าชนะการต่อสู้กับเงินเฟ้อแล้ว เนื่องจากเราได้เคยเห็นตัวเลขเงินเฟ้อสูงสุดที่ไม่แท้จริงในอดีต บรรดานักเศรษฐศาสตร์และเทรดเดอร์ในตลาดการเงินดูเหมือนว่าจะมองแตกต่างจากเฟด
ประมาณการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายล่าสุดของเฟด (dot-plot) จากสมาชิกของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) เสนอแนะว่า อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงข้ามคืน (อัตราดอกเบี้ยนโยบาย) จะแตะระดับสูงสุดที่ 5.50-5.75% แต่มีเพียง 19 คนจากนักเศรษฐศาสตร์ทั้งหมด 109 คนที่ตอบโพลของรอยเตอร์ที่คาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะแตะระดับสูงสุดในช่วงดังกล่าว
ความคาดหวังที่เฟดกำลังใกล้จะยุติวัฏจักรการขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ผลักดันให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบมากกว่า 1 ปี เมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักอื่นๆ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลงน่าที่จะทำให้การนำเข้ามีต้นทุนที่แพงขึ้น และทำให้ความกดดันราคาสูงขึ้น แท้จริงแล้ว นักเศรษฐศาสตร์ยังคงกังวลว่า อัตราเงินเฟ้ออาจจะไม่ลดลงอย่างรวดเร็วเพียงพอ
เฟดตั้งเป้าหมายเงินเฟ้อจากการวัดค่าดัชนีค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่ระดับเป้าหมาย 2% ส่วนดัชนีค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) ล่าสุดรายงานอยู่ที่ 3.8% ในเดือน พ.ค.
ที่มา: รอยเตอร์