เงินลงทุนจากต่างประเทศ หรือ FDI ในจีน ติดลบรายไตรมาส “ครั้งแรกเป็นประวัติการณ์” ส่งสัญญาณชาติตะวันตกแห่ถอนทุนเพื่อลดความเสี่ยง
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานในวันนี้ (6 พ.ย.) ว่า การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในจีน ลดลงรายไตรมาสเป็นครั้งแรกเป็นประวัติศาสตร์ หรือนับตั้งแต่เริ่มเก็บข้อมูลเมื่อ 25 ปีที่แล้ว ตอกย้ำถึงความยากลำบากของจีนในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากบริษัทต่างประเทศ เนื่องจากกลุ่มประเทศตะวันตกกำลังพยายามลดความเสี่ยงทางการเงินในจีน
ตามรายงานเบื้องต้นเกี่ยวกับดุลการชำระเงินของจีนที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (3 พ.ย.) จีนมี FDI ติดลบ 11,800 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส ก.ค.-ก.ย. ถือเป็นครั้งแรกที่ติดลบรายไตรมาส นับตั้งแต่ที่หน่วยงานกำกับดูแลการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของจีนเริ่มเก็บข้อมูลในปี 2541 โดยอาจเกิดจากการที่ประเทศตะวันตกถอนการลงทุนออกจากจีน ท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มมากขึ้น
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้ดุลพื้นฐานของจีน ซึ่งประกอบด้วยดุลบัญชีเดินสะพัดและดุลการลงทุนโดยตรง มีการขาดดุลถึง 3,200 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นการขาดดุลรายไตรมาสเป็นครั้งที่สองเป็นประวัติการณ์
ด้านสกุลเงินหยวนของจีนมีปริมาณการซื้อขายกับดอลลาร์สหรัฐในตลาดภายในประเทศลดลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.85 ล้านล้านหยวน (254,050 ล้านดอลลาร์) ในเดือน ต.ค. โดยลดลง 73% จากระดับเดือน ส.ค. สะท้อนถึงภาครัฐที่พยายามป้องกันไม่ให้มีการเทขายเงินหยวน
ทั้งนี้ แหล่งข่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ธนาคารกลางจีนกำลังขอให้ธนาคารใหญ่ๆ จำกัดการซื้อขายหยวนกับดอลลาร์ และสนับสนุนให้ลูกค้าไม่แลกเปลี่ยนเงินหยวนเป็นดอลลาร์
ที่มา: รอยเตอร์