ไชน่าเดลี่ รายงานว่า การให้บริการในรูปแบบเศรษฐกิจแบบแบ่งปัน (แชริ่ง อีโคโนมี) ของจีน คาดว่าจะเติบโตอย่างรวดเร็วมากกว่า 30% ในช่วง 5 ปีจากนี้ โดยโอกาสใหม่ๆ ของบริการที่จะเกิดขึ้นในรูปแบบนี้จะอยู่ในภาคเกษตรกรรม การศึกษา การให้บริการทางการแพทย์ และการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งเรื่องนี้เป็นการประเมินโดยรัฐบาล
สำหรับตลาดแชริ่ง อีโคโนมีในจีน แตะระดับ 4.9 ล้านล้านหยวน หรือ 763,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 47.2% จากปีก่อนหน้า อ้างอิงจากรายงานของฝ่ายวิจัยแชริ่งอีโคโนมี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์ข้อมูลรัฐ
ทั้งนี้ มีประชากรมากกว่า 700 ล้านคน ที่เข้าไปใช้บริการในวงจรแชริ่ง อีโคโนมี เพิ่มขึ้นมากกว่า 10 ล้านคนจากปี 2016 ขณะที่จำนวนพนักงานที่ทำงานให้กับแพลตฟอร์มแชริ่ง อีโคโนมี แตะระดับ 7.16 ล้านคนในปีที่ผ่านมา ช่วยเพิ่มการจ้างงานในเมืองถึง 9.7% อย่างไรก็ตามปัญหาที่ตามมาจากการใช้แชริ่ง อีโคโนมี ก็คือ การรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคล การสูญเสียทรัพยากรและการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งเกิดขึ้นตามมาจากแชริ่ง อีโคโนมี ที่พัฒนาอย่างรวดเร็วในด้านคมนาคม ที่พัก บริการอาหาร และด้านการรักษา
อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลจีนก็ได้ออกแนวทางการควบคุมการพัฒนาแชริ่ง อีโคโนมีแล้ว เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมมากขึ้น และเพื่อให้มีกฎเกณฑ์ขึ้นมาดูแลการบริหารจัดการธุรกิจรูปแบบนี้อย่างจริงจัง