เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ลดความคาดหวังลงสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ แม้ว่า ประธานเจอโรม พาวเวลล์ จะยังคงเปิดกว้างสำหรับการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินอยู่ โดยเน้นย้ำว่า การคาดการณ์ใหม่ของธนาคารกลางแสดงถึงแนวทางอนุรักษ์นิยม
การคาดการณ์ตัวเลขทางเศรษฐกิจใหม่ของธนาคารกลางสหรัฐฯ หลังจากการประชุมสองวันที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าเฟดคาดว่าจะลดต้นทุนการกู้ยืมเพียงครั้งเดียวในปี 2567 จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ถึงสามครั้งก่อนหน้านี้ นอกจากนั้นแล้ว Kathy Bostjancic หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Nationwide Mutual Insurance Co. ระบุว่า ยังมีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสองครั้งในปีนี้ โดยเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายน อย่างไรก็ตาม ต้องมีตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ช่วยส่งเสริมให้เฟดดำเนินการได้ตามที่คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 5.25-5.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่าสองทศวรรษ และเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 7 ติดต่อกัน โดยในขณะนี้ นักลงทุนคาดว่าจะเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสองครั้งในปีนี้
ในช่วงเช้าของวันพุธที่ผ่านมา สำนักงานสถิติแรงงานได้เผยแพร่ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ชะลอตัวลงเป็นเดือนที่สองติดต่อกันในเดือนพฤษภาคม หลังจากที่ตัวเลขมีการปรับสูงขึ้นในช่วงต้นปีนี้
พาวเวลล์ ระบุว่า ตัวเลขที่ประกาศออกมานั้นเป็นแรงสนับสนุนต่อการพิจารณาอัตราดอกเบี้ยนโยบาย พร้อมกับส่งสัญญาณว่า ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่งประกาศอาจไม่สะท้อนในคาดการณ์รายไตรมาสของคณะผู้กำหนดนโยบายอย่างเต็มที่
นักเศรษฐศาสตร์จากซิตี้กรุ๊ป ระบุว่า แถลงการณ์ของประธานพาวเวลล์ตั้งใจที่จะลดความสำคัญของการคาดการณ์ที่ทำออกมาใหม่นี้ โดยชี้ให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่ น่าจะไม่ได้รวมตัวเลขเงินเฟ้อที่อ่อนกว่าที่คาดไว้ในคาดการณ์ปัจจุบันไว้ในการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจ และใน Dot Plot
ในความพยายามที่จะกำหนดเวลาที่เหมาะสมสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เฟดต้องต่อสู้กับความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบที่นโยบายการเงินที่เข้มงวดมีต่อเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกัน อัตราเงินเฟ้อลดลงอย่างมากหลังจากการเร่งตัวอย่างรวดเร็วในช่วงการระบาดโควิด-19 แม้ว่าจะยังคงสูงกว่าเป้าหมายที่ 2% ก็ตาม
ทั้งนี้ Dot Plot ของเจ้าหน้าที่เฟด 7 คน ชี้ให้เห็นว่า จะมีการปรับลดดอกเบี้ยครั้งเดียวในปีนี้ ในขณะที่ เจ้าหน้าที่อีก 8 คนมองว่าจะปรับลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง และอีก 4 คนที่มองว่าดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ที่ระดับเดิมไปจนสิ้นปีนี้
ที่มา: บลูมเบิร์ก