สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด กล่าวว่า ขณะนี้เส้นทางเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เริ่มกลับมาอยู่ในช่วงแนวโน้มขาลงแล้ว อย่างไรก็ตาม ทางเฟดยังคงต้องการดูสัญญาณเพิ่มเติมจากข้อมูลเศรษฐกิจ ก่อนเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตัวชี้วัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดใช้ ไม่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเลย ในขณะที่ อัตราการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าในรอบ 12 เดือนปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 2.6% ซึ่งแม้จะยังคงสูงกว่าระดับเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางสหรัฐฯ แต่ก็บ่งชี้ว่ากำลังปรับตัวลดลง หลังสร้างความกังวลในช่วงต้นปี
ประธานเฟด กล่าวในการประชุมนโยบายทางการเงินที่ประเทศโปรตุเกส ซึ่งจัดโดยธนาคารกลางยุโรปว่า “เราเพียงต้องการทำความเข้าใจว่าระดับที่เห็นอยู่ตอนนี้ สะท้อนตัวเลขที่แท้จริงที่เกี่ยวเนื่องกับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน” พร้อมกล่าวเพิ่มเติม “ผมคิดว่า การรายงานครั้งล่าสุดและครั้งก่อนหน้า บ่งชี้ว่า เรากำลังกลับเข้าสู่เส้นทางในการทำให้เงินเฟ้อลดลงแล้ว ซึ่งเราต้องการความมั่นใจมากขึ้น ว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังลดลงอย่างยั่งยืนไปสู่เป้าหมาย 2% ก่อนที่เราจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย”
นายเจอโรม พาวเวลล์ ไม่ได้ระบุถึงช่วงเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยแต่อย่างใด แต่ยอมรับว่า เฟดได้เข้าสู่ช่วงเวลาที่ละเอียดอ่อนในการพิจารณา ซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อเป้าหมายด้านอัตราเงินเฟ้อและการจ้างงาน โดยอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ อยู่ที่หรือต่ำกว่าระดับ 4% มาเป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ผู้กำหนดนโยบายของเฟดหลายคนเคยแย้งว่า ควรอดทนรอก่อนปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ด้านนาย Austan Goolsbee ประธานเฟด สาขาชิคาโก กล่าวว่า ตนรู้สึกถึงสัญญาณเตือนว่า เศรษฐกิจที่แท้จริงเริ่มอ่อนแอลง และแม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะยังคงดูแข็งแกร่ง แต่เฟดก็จำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังเพื่อไม่ให้มีการใช้นโยบายทางการเงินที่เข้มงวดเป็นระยะเวลานานเกินความจำเป็น
ทั้งนี้ นายเจอโรม พาวเวลล์ กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ไม่น่าจะกลับมาอยู่ที่ระดับเป้าหมาย 2% ได้ก่อนช่วงปลายปีหน้าหรือปี 2569 แต่ยังคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อจะลดลงมาอยู่ในช่วง 2-2.5% ต่อปีนับจากนี้ ซึ่งจะเป็น “ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม”
ที่มา: รอยเตอร์