BF Knowledge Tips: วางแผนการเงินรับปีมังกรทอง 2567

BF Knowledge Tips: วางแผนการเงินรับปีมังกรทอง 2567

สิ่งสำคัญที่วัยทำงานทุกคนต้องลงมือทำ เมื่อเข้าสู่ปี พ.ศ. ใหม่  นั่นคือ การทบทวนแผนการเงินของตัวเองว่า  ในปีที่ผ่านมา…เราสามารถออมและลงทุนได้ตามที่ตั้งใจไว้หรือเปล่า? หากไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ได้วางแผนไว้ ก็ต้องกลับมาทบทวนและค้นหาสาเหตุกันดูว่า เป็นเพราะอะไร? โดยในปีที่ผ่านมา ก็นับว่าเป็นปีที่ยากและสร้างความเหน็ดเหนื่อยใจให้กับพวกเราทุกคน จากปัญหาเศรษฐกิจทั้งการขึ้นอัตราดอกเบี้ย เงินเฟ้อ และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศที่ส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ต่างๆ มีความผันผวน    

โดยอาจสรุปได้ว่า ในปีที่ผ่านมา “เงินออมส่วนตัวก็สะดุด” จากการที่เราปรับพฤติกรรมใช้จ่ายของตัวเองไม่ทัน ซึ่งปัญหาที่หลายคนเจอ คือกินใช้เท่าเดิม แต่กลับมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น  เพราะราคาสินค้าต่างๆ ปรับตัวสูงขึ้นตามเงินเฟ้อ ในขณะที่ เงินเดือนของพวกเราแทบไม่ได้เพิ่มขึ้น รวมถึงรายได้เสริมต่างๆก็อาจจะไม่ได้รับเหมือนเดิมอีกด้วย ในส่วนของ “เงินลงทุนก็ผิดหวัง” เพราะในภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังคงมีความผันผวน  และคาดเดาทิศทางได้ยาก  ส่งผลให้เงินลงทุนเติบโตน้อยกว่าที่คาดหวังไว้ หรืออาจจะขาดทุนจนทำให้รู้สึกไม่สบายใจ

ทั้งนี้  เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น  ก็มีในส่วนที่เราไม่สามารถควบคุมได้  แต่ว่า ก็มีในส่วนที่เราพอจะควบคุมได้ด้วยการวางแผนการเงินด้วยเช่นกัน โดยในปีมังกรทองนี้  สิ่งที่อยากให้ทุกคนทำ คือ ทบทวนเป้าหมายของตัวเองว่า “อะไร? คือ สิ่งที่เราต้องการจริงๆ ในชีวิต” เพราะในภาวะที่เศรษฐกิจไม่ดี และหนทางข้างหน้ามีความไม่แน่นอน การโฟกัสในสิ่งที่สำคัญและจำเป็น จะช่วยให้เราสามารถวางแผนการเงินได้ดียิ่งขึ้น             

ในส่วนของการออม แนะนำให้ใส่ใจเงินสำรองฉุกเฉินให้มีเพียงพออยู่เสมอ   และพักไว้ในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่อง โดยในช่วงต้นปีนี้อาจเลือกลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศที่มีอายุเฉลี่ยคงเหลือมากกว่า 1 ปี เพื่อให้สอดคล้องไปกับนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (FED) ที่เริ่มเข้าสู่ภาวะผ่อนคลายมากขึ้น   หลังจากที่แรงกดดันของอัตราเงินเฟ้อเริ่มลดลง  ซึ่งคาดว่าน่าจะมีโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงปลายไตรมาส 1 ส่งผลให้ตราสารหนี้ระยะยาวที่ได้นำเสนอขายไปก่อนหน้านี้ มีโอกาสได้รับกำไรจากส่วนต่างราคา

ในส่วนของการลงทุน เทรนด์หลักของโลกยังคงขับเคลื่อนด้วยหุ้นเทคโนโลยี  โดยคาดว่าปีนี้ธุรกิจเทคโนโลยีขนาดกลางและเล็กน่าจะมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น หาก FED ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย ส่วนธุรกิจเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ก็ยังสามารถลงทุนต่อเนื่องได้  เพราะมีปัจจัยพื้นฐานดี มีความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจ และมีโอกาสที่จะเติบโตต่อไปได้อีกในอนาคต โดยที่ผ่านมาก็ได้พิสูจน์แล้วว่า ธุรกิจเทคโนโลยีสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีได้  แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะไม่ค่อยสดใสก็ตาม อีกเทรนด์หลักของโลกที่มองข้ามไม่ได้ คือ หุ้นเฮลธ์แคร์  เพราะได้รับแรงสนับสนุน  2  ด้าน ทั้งในด้านเทคโนโลยีการแพทย์ที่ทำให้ค้นพบวิธีการวินิจฉัยและการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และในด้านสังคมที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ ทำให้กลุ่มเป้าหมายที่คาดว่าจะเข้ามารับบริการในธุรกิจนี้ ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม การลงทุนในปีมังกรทองนี้ อยากให้เน้น  2  เรื่อง เรื่องแรก คือ  “กระจายการลงทุน” เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจและการลงทุนของโลก ยังอยู่ในช่วงค่อยๆ ฟื้นตัว  และยังคงมีปัจจัยแวดล้อมต่างๆ  ที่ส่งผลให้การลงทุนมีความผันผวน โดยการกระจายการลงทุน แนะนำให้ลงทุนในสินทรัพย์อื่น นอกจากหุ้นเทคโนโลยีบ้าง เพราะหลายปีที่ผ่านมา เราน่าจะลงทุนไปในสัดส่วนที่เยอะแล้ว โดยอาจเลือกลงทุนในทองคำบ้างก็ได้ เพื่อเป็นการถ่วงดุลความเสี่ยง เพราะหากสังเกตดูจะพบว่า เวลาที่เกิดสถานการณ์ไม่ปกติอะไรสักอย่าง ราคาทองคำมักปรับตัวสูงขึ้น โดยในปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า  ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น  และก็คาดการณ์ว่าในปีนี้ น่าจะค่อยๆ ปรับเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งหากเราลงทุนตั้งแต่ต้นปีก็มีโอกาสที่จะได้รับส่วนต่างราคานี้

นอกจากนี้  ขอแนะนำให้กระจายการลงทุนหลากหลายภูมิภาคด้วย เพราะหุ้นเทคโนโลยีที่เราลงทุนกันอยู่ เกือบทั้งหมดอยู่ในตลาดหุ้นของสหรัฐอเมริกา โดยเราอาจจัดสรรเงินลงทุนระยะยาวส่วนหนึ่งมาลงทุนในตลาดหุ้นฝั่งเอเชียบ้างก็ได้ ซึ่งที่ต้องเน้นว่า “ระยะยาว”  เพราะเชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้สึกอกหักจากการลงทุนในฝั่งเอเชีย โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้นจีน ซึ่งสำหรับปีมังกรทองนี้ ตลาดหุ้นจีนก็ยังอยู่ในสภาวะที่ไม่แน่นอน มีโอกาสที่จะเป็นทั้งขาขึ้นและขาลง ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจีนจะดำเนินนโยบายเศรษฐกิจแบบไหน? ซึ่งสำหรับคนที่อดทนรอไหวเป็นหลักสิบปี ก็แนะนำให้ทยอยลงทุนทีละเล็กละน้อย  เพราะหากจีน สามารถกลับตัวเป็นขาขึ้นได้  ก็มีโอกาสมากที่จะให้ผลตอบแทนที่สูง  เพราะต้องอย่าลืมว่า จีนมีศักยภาพในการเติบโตสูง ด้วยแรงหนุนจากผู้บริโภคจำนวนมหาศาลและเป็นฐานการผลิตที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก แต่สำหรับคนที่ไม่อยากอดทนรอเป็นสิบปี  ก็อาจจกระจายการลงทุนมายังไทย อินเดีย หรือเวียดนามบ้างก็ได้  แม้ว่าจะไม่ค่อยมีเสน่ห์ดึงดูดใจเท่าไร แต่ก็เป็นฐานการผลิตภาคอุตสาหกรรมของโลกเช่นกันและมีแนวโน้มที่จะตอบรับการกระตุ้นจากนโยบายเศรษฐกิจได้ค่อนข้างดี

สำหรับเรื่องที่ 2  ที่อยากเน้นในปีมังกรทองนี้ คือ  “DCA ช่วยเราได้” โดยเฉพาะแผนการลงทุนระยะยาว  เพราะในสภาวะที่การลงทุนมีความผันผวน การจับจังหวะการลงทุนแบบ Market Timing นั้นทำได้ค่อนข้างยาก การทยอยซื้อต่อเนื่องทีละเล็กละน้อยอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นทางเลือกที่ดูแล้วเหมาะสมมากกว่า โดยในแต่ละเดือนที่ลงทุน เราอาจได้รับต้นทุนราคาถูกบ้าง แพงบ้างสลับกันไป แต่ในระยะยาว  10 ปี  20 ปี  การลงทุนแบบ DCA จะช่วยให้เราได้รับราคาต้นทุนเฉลี่ยที่เหมาะสม   และมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีด้วยพลังของดอกเบี้ยทบต้น ซึ่งแนวทางนี้ต้องใช้ความอดทน ลงทุนอย่างสม่ำเสมอ  และต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง  รอคอยวันที่การลงทุนจะผลิดอกออกผลให้ชื่นใจ   ดังคำสุภาษิตที่ว่า “อดเปรี้ยวไว้กินหวาน” แต่ขอเพิ่มเติมว่า  ถ้าปลูกไว้นาน แต่ไม่ดูแล  มดก็อาจจะมากินได้เหมือนกัน ดังนั้น ลงทุนแล้วต้องหมั่นทบทวนพอร์ต  ทบทวนแผนการเงินและการลงทุนทุกปีด้วยว่า ยังแข็งแรงดีอยู่เสมอ