สิ่งสำคัญที่วัยทำงานทุกคนต้องลงมือทำ เมื่อเข้าสู่ปี พ.ศ. ใหม่ นั่นคือ การทบทวนแผนการเงินของตัวเองว่า ในปีที่ผ่านมา…เราสามารถออมและลงทุนได้ตามที่ตั้งใจไว้หรือเปล่า? หากไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ได้วางแผนไว้ ก็ต้องกลับมาทบทวนและค้นหาสาเหตุกันดูว่า เป็นเพราะอะไร? โดยในปีที่ผ่านมา ก็นับว่าเป็นปีที่ยากและสร้างความเหน็ดเหนื่อยใจให้กับพวกเราทุกคน จากปัญหาเศรษฐกิจทั้งการขึ้นอัตราดอกเบี้ย เงินเฟ้อ และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศที่ส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ต่างๆ มีความผันผวน
โดยอาจสรุปได้ว่า ในปีที่ผ่านมา “เงินออมส่วนตัวก็สะดุด” จากการที่เราปรับพฤติกรรมใช้จ่ายของตัวเองไม่ทัน ซึ่งปัญหาที่หลายคนเจอ คือกินใช้เท่าเดิม แต่กลับมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น เพราะราคาสินค้าต่างๆ ปรับตัวสูงขึ้นตามเงินเฟ้อ ในขณะที่ เงินเดือนของพวกเราแทบไม่ได้เพิ่มขึ้น รวมถึงรายได้เสริมต่างๆก็อาจจะไม่ได้รับเหมือนเดิมอีกด้วย ในส่วนของ “เงินลงทุนก็ผิดหวัง” เพราะในภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังคงมีความผันผวน และคาดเดาทิศทางได้ยาก ส่งผลให้เงินลงทุนเติบโตน้อยกว่าที่คาดหวังไว้ หรืออาจจะขาดทุนจนทำให้รู้สึกไม่สบายใจ
ทั้งนี้ เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ก็มีในส่วนที่เราไม่สามารถควบคุมได้ แต่ว่า ก็มีในส่วนที่เราพอจะควบคุมได้ด้วยการวางแผนการเงินด้วยเช่นกัน โดยในปีมังกรทองนี้ สิ่งที่อยากให้ทุกคนทำ คือ ทบทวนเป้าหมายของตัวเองว่า “อะไร? คือ สิ่งที่เราต้องการจริงๆ ในชีวิต” เพราะในภาวะที่เศรษฐกิจไม่ดี และหนทางข้างหน้ามีความไม่แน่นอน การโฟกัสในสิ่งที่สำคัญและจำเป็น จะช่วยให้เราสามารถวางแผนการเงินได้ดียิ่งขึ้น
ในส่วนของการออม แนะนำให้ใส่ใจเงินสำรองฉุกเฉินให้มีเพียงพออยู่เสมอ และพักไว้ในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่อง โดยในช่วงต้นปีนี้อาจเลือกลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศที่มีอายุเฉลี่ยคงเหลือมากกว่า 1 ปี เพื่อให้สอดคล้องไปกับนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (FED) ที่เริ่มเข้าสู่ภาวะผ่อนคลายมากขึ้น หลังจากที่แรงกดดันของอัตราเงินเฟ้อเริ่มลดลง ซึ่งคาดว่าน่าจะมีโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงปลายไตรมาส 1 ส่งผลให้ตราสารหนี้ระยะยาวที่ได้นำเสนอขายไปก่อนหน้านี้ มีโอกาสได้รับกำไรจากส่วนต่างราคา
ในส่วนของการลงทุน เทรนด์หลักของโลกยังคงขับเคลื่อนด้วยหุ้นเทคโนโลยี โดยคาดว่าปีนี้ธุรกิจเทคโนโลยีขนาดกลางและเล็กน่าจะมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น หาก FED ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย ส่วนธุรกิจเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ก็ยังสามารถลงทุนต่อเนื่องได้ เพราะมีปัจจัยพื้นฐานดี มีความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจ และมีโอกาสที่จะเติบโตต่อไปได้อีกในอนาคต โดยที่ผ่านมาก็ได้พิสูจน์แล้วว่า ธุรกิจเทคโนโลยีสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีได้ แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะไม่ค่อยสดใสก็ตาม อีกเทรนด์หลักของโลกที่มองข้ามไม่ได้ คือ หุ้นเฮลธ์แคร์ เพราะได้รับแรงสนับสนุน 2 ด้าน ทั้งในด้านเทคโนโลยีการแพทย์ที่ทำให้ค้นพบวิธีการวินิจฉัยและการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และในด้านสังคมที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ ทำให้กลุ่มเป้าหมายที่คาดว่าจะเข้ามารับบริการในธุรกิจนี้ ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในปีมังกรทองนี้ อยากให้เน้น 2 เรื่อง เรื่องแรก คือ “กระจายการลงทุน” เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจและการลงทุนของโลก ยังอยู่ในช่วงค่อยๆ ฟื้นตัว และยังคงมีปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ที่ส่งผลให้การลงทุนมีความผันผวน โดยการกระจายการลงทุน แนะนำให้ลงทุนในสินทรัพย์อื่น นอกจากหุ้นเทคโนโลยีบ้าง เพราะหลายปีที่ผ่านมา เราน่าจะลงทุนไปในสัดส่วนที่เยอะแล้ว โดยอาจเลือกลงทุนในทองคำบ้างก็ได้ เพื่อเป็นการถ่วงดุลความเสี่ยง เพราะหากสังเกตดูจะพบว่า เวลาที่เกิดสถานการณ์ไม่ปกติอะไรสักอย่าง ราคาทองคำมักปรับตัวสูงขึ้น โดยในปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น และก็คาดการณ์ว่าในปีนี้ น่าจะค่อยๆ ปรับเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งหากเราลงทุนตั้งแต่ต้นปีก็มีโอกาสที่จะได้รับส่วนต่างราคานี้
นอกจากนี้ ขอแนะนำให้กระจายการลงทุนหลากหลายภูมิภาคด้วย เพราะหุ้นเทคโนโลยีที่เราลงทุนกันอยู่ เกือบทั้งหมดอยู่ในตลาดหุ้นของสหรัฐอเมริกา โดยเราอาจจัดสรรเงินลงทุนระยะยาวส่วนหนึ่งมาลงทุนในตลาดหุ้นฝั่งเอเชียบ้างก็ได้ ซึ่งที่ต้องเน้นว่า “ระยะยาว” เพราะเชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้สึกอกหักจากการลงทุนในฝั่งเอเชีย โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้นจีน ซึ่งสำหรับปีมังกรทองนี้ ตลาดหุ้นจีนก็ยังอยู่ในสภาวะที่ไม่แน่นอน มีโอกาสที่จะเป็นทั้งขาขึ้นและขาลง ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจีนจะดำเนินนโยบายเศรษฐกิจแบบไหน? ซึ่งสำหรับคนที่อดทนรอไหวเป็นหลักสิบปี ก็แนะนำให้ทยอยลงทุนทีละเล็กละน้อย เพราะหากจีน สามารถกลับตัวเป็นขาขึ้นได้ ก็มีโอกาสมากที่จะให้ผลตอบแทนที่สูง เพราะต้องอย่าลืมว่า จีนมีศักยภาพในการเติบโตสูง ด้วยแรงหนุนจากผู้บริโภคจำนวนมหาศาลและเป็นฐานการผลิตที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก แต่สำหรับคนที่ไม่อยากอดทนรอเป็นสิบปี ก็อาจจกระจายการลงทุนมายังไทย อินเดีย หรือเวียดนามบ้างก็ได้ แม้ว่าจะไม่ค่อยมีเสน่ห์ดึงดูดใจเท่าไร แต่ก็เป็นฐานการผลิตภาคอุตสาหกรรมของโลกเช่นกันและมีแนวโน้มที่จะตอบรับการกระตุ้นจากนโยบายเศรษฐกิจได้ค่อนข้างดี
สำหรับเรื่องที่ 2 ที่อยากเน้นในปีมังกรทองนี้ คือ “DCA ช่วยเราได้” โดยเฉพาะแผนการลงทุนระยะยาว เพราะในสภาวะที่การลงทุนมีความผันผวน การจับจังหวะการลงทุนแบบ Market Timing นั้นทำได้ค่อนข้างยาก การทยอยซื้อต่อเนื่องทีละเล็กละน้อยอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นทางเลือกที่ดูแล้วเหมาะสมมากกว่า โดยในแต่ละเดือนที่ลงทุน เราอาจได้รับต้นทุนราคาถูกบ้าง แพงบ้างสลับกันไป แต่ในระยะยาว 10 ปี 20 ปี การลงทุนแบบ DCA จะช่วยให้เราได้รับราคาต้นทุนเฉลี่ยที่เหมาะสม และมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีด้วยพลังของดอกเบี้ยทบต้น ซึ่งแนวทางนี้ต้องใช้ความอดทน ลงทุนอย่างสม่ำเสมอ และต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง รอคอยวันที่การลงทุนจะผลิดอกออกผลให้ชื่นใจ ดังคำสุภาษิตที่ว่า “อดเปรี้ยวไว้กินหวาน” แต่ขอเพิ่มเติมว่า ถ้าปลูกไว้นาน แต่ไม่ดูแล มดก็อาจจะมากินได้เหมือนกัน ดังนั้น ลงทุนแล้วต้องหมั่นทบทวนพอร์ต ทบทวนแผนการเงินและการลงทุนทุกปีด้วยว่า ยังแข็งแรงดีอยู่เสมอ