‘จีน’ หนีซบ ’แอฟริกา’ เร่งปิดดีลประชุมใหญ่ 50 ประเทศสัปดาห์นี้ ส่งออกเทคโนโลยีสีเขียว ตั้งแต่รถยนต์ไฟฟ้าไปจนถึงแผงโซลาร์เซลล์ ก่อน ’สหรัฐฯ -อียู’ ตั้งกำแพงภาษี
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า “จีน” จะเชิญชวนให้ผู้นำจาก 50 ประเทศในแอฟริกาที่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดความร่วมมือจีน-แอฟริกา (FOCAC) ปี 2024 ที่ปักกิ่งในสัปดาห์นี้ซื้อสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้น ก่อนที่มาตรการจำกัดการส่งออกสินค้าจีนจากชาติตะวันตกจะมีผลบังคับใช้ โดยเฉพาะสินค้าประเภทรถยนต์ไฟฟ้าและแผงโซลาร์เซลล์ แลกกับคำมั่นสัญญาที่จะให้เงินกู้และการลงทุนเพิ่มเติม
แม้ผู้นำแอฟริกาจะเดินทางมาปักกิ่งเพื่อเข้าร่วมการประชุมครั้งสำคัญนี้ แต่การบรรลุดีลก็อาจไม่ใช่เรื่องง่าย โดยพวกเขาต้องการคำตอบที่ชัดเจนว่าจีนจะทำอย่างไรเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการซื้อสินค้าจากแอฟริกามูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ตามที่เคยให้คำมั่นสัญญาไว้ในปี 2564
นอกจากนี้ บรรดาผู้นำในแอฟริกายังให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการติดตามความคืบหน้าของโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่ได้รับเงินทุนจากจีน โดยเฉพาะโครงการรถไฟที่มุ่งเชื่อมต่อภูมิภาคแอฟริกาตะวันออก พวกเขาต้องการคำยืนยันที่ชัดเจนว่าโครงการเหล่านี้จะดำเนินไปตามแผนและแล้วเสร็จตามกำหนดเวลา เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนในภูมิภาคหรือไม่
เอริค โอแลนเดอร์ ผู้ร่วมก่อตั้งโครงการ China-Global South มองว่า ประเทศใดที่สามารถศึกษาการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในจีนอย่างละเอียด และปรับนโยบายของตนเองให้สอดคล้องกับความสำคัญใหม่ๆ ของจีนได้สำเร็จ ประเทศนั้นย่อมได้เปรียบในการแข่งขันครั้งนี้ เนื่องจากทวีปแอฟริกาโดยรวมยังมีความรู้เกี่ยวกับจีนไม่มากนัก ทำให้การปรับตัวเป็นเรื่องที่ท้าทาย
ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับแอฟริกากำลังเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่จีนเน้นให้เงินทุนเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ตอนนี้จีนหันมาเสนอเทคโนโลยีทันสมัย เช่น พลังงานสะอาดและดิจิทัล ซึ่งจะช่วยให้แอฟริกาก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ได้เร็วขึ้น
เมื่อเผชิญกับมาตรการจำกัดการส่งออกจากชาติตะวันตก จีนกำลังเร่งหาตลาดใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา เพื่อระบายสินค้าที่มีกำลังการผลิตสูง เช่น รถยนต์ไฟฟ้าและแผงโซลาร์เซลล์ ซึ่งเป็นสินค้าที่ชาติตะวันตกกล่าวหาว่าจีนผลิตเกินความต้องการของตลาดโลก นอกจากนี้ จีนยังวางแผนที่จะสร้างฐานการผลิตในต่างประเทศเพื่อเข้าถึงตลาดเหล่านี้ได้โดยตรง
จีนได้ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการให้เงินกู้แก่แอฟริกา โดยหันมาสนับสนุนโครงการที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาด เทคโนโลยี และดิจิทัลมากขึ้น เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โรงงานรถยนต์ไฟฟ้า และเครือข่าย 5G แทนโครงสร้างพื้นฐานแบบเดิม เช่น สะพาน ท่าเรือ และทางรถไฟ
ปีที่ผ่านมา ข้อมูลของศูนย์นโยบายการพัฒนาโลก (Global Development Policy Centre) ของมหาวิทยาลัยบอสตันในสหรัฐเผยว่า จีนได้ให้เงินกู้แก่ประเทศในแอฟริกาจำนวน 13 รายการ รวมมูลค่า 4.2 พันล้านดอลลาร์ ให้แก่ประเทศในแอฟริกา 8 ประเทศและธนาคารระดับภูมิภาค 2 แห่ง โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังงานน้ำและพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งได้รับการจัดสรรงบประมาณไปประมาณ 500 ล้านดอลลาร์
## ‘สหรัฐฯ-จีน’ชิงอำนาจทางภูมิศาสตร์
หลังเสร็จสิ้นพิธีเปิดการประชุมสุดยอดความร่วมมือจีน-แอฟริกาครั้งที่ 9 คาดว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน จะนำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับอุตสาหกรรมพลังงานสีเขียวของจีน ต่อผู้นำจากประเทศแกมเบีย เคนยา ไนจีเรีย แอฟริกาใต้ และซิมบับเว ซึ่งปีนี้ จะมีผู้แทนจากทุกประเทศในทวีปแอฟริกาเข้าร่วม ยกเว้นเพียงเอสวาตีนี ซึ่งเลือกสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน
“สหรัฐฯ” ซึ่งเป็นคู่แข่งทางภูมิรัฐศาสตร์ของจีนเอง ก็ได้เริ่มเป็นเจ้าภาพต้อนรับผู้นำแอฟริกาเช่นกัน ทั้งสองมหาอำนาจต่างก็เล็งเห็นถึงศักยภาพทางเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตของแอฟริกา และอิทธิพลทางการเมืองที่สำคัญในเวทีโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหประชาชาติ ซึ่งแอฟริกามีที่นั่งถึง 54 ที่นั่ง
นอกจากจีนและสหรัฐฯ แล้ว ประเทศอื่นๆ เช่น สหราชอาณาจักร อิตาลี รัสเซีย และเกาหลีใต้ ก็หันมาให้ความสำคัญกับแอฟริกามากขึ้น โดยจัดการประชุมสุดยอดและเสริมสร้างความสัมพันธ์กับผู้นำแอฟริกา เพื่อหวังจะได้รับส่วนแบ่งทางเศรษฐกิจและการเมืองในภูมิภาคนี้
อย่างไรก็ตาม บทบาทของจีนในแอฟริกายังคงโดดเด่นและมีอิทธิพลอย่างมาก เนื่องจากจีนได้ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของแอฟริกาจำนวนมาก และมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นกับหลายประเทศในทวีป ทำให้จีนกลายเป็นพันธมิตรทางการเงินและการค้าที่สำคัญที่สุดของแอฟริกา
จีนมีความต้องการที่จะขยายความร่วมมือทางการค้าและเพิ่มการเข้าถึงทรัพยากรแร่ธาตุสำคัญ เช่น ทองแดง โคบอลต์ และลิเทียม ซึ่งมีปริมาณสำรองอย่างมากในประเทศต่างๆ เช่น บอตสวานา นามิเบีย และซิมบับเว
จีนอาจมีความระมัดระวังมากขึ้นในการให้เงินกู้และเข้าร่วมโครงการลงทุนขนาดใหญ่ในแอฟริกา หลังจากเผชิญกับปัญหาหนี้สินของประเทศต่างๆ เช่น ชาด เอธิโอเปีย กานา และแซมเบีย ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการประชุมสุดยอดระหว่างจีนกับแอฟริกาในปี 2564
ลีนา เบนับดัลลาห์ จากศูนย์ศึกษาแอฟริกา มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ชี้ให้เห็นว่า จีนจะลดความเสี่ยงจากปัญหาหนี้สินในแอฟริกา โดยหันมาเน้นการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการพัฒนาความสามารถในการผลิตภายในประเทศ มากกว่าการให้เงินกู้โครงการขนาดใหญ่
ที่มา: รอยเตอร์