สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานโดยอ้างความเห็นของนักวิเคราะห์ว่า เงินบาทอ่อนค่ามากที่สุด เมื่อเทียบกับบรรดาสกุลเงินของประเทศในเอเชีย เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับความเป็นอิสระของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
เงินบาทร่วงลงกว่า 1% แตะที่ระดับ 34.739 บาทต่อดอลลาร์ในวันนี้ (12 พ.ย.) ซึ่งเป็นการอ่อนค่ามากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค.ปีนี้ หลังจากมีข่าวว่า คณะกรรมการสรรหามีมติเลือก นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่
ยูจีเนีย วิกโตริโน หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์เอเชีย ของธนาคาร Skandinaviska Enskilda Banken AB ในสิงคโปร์ กล่าวว่า นักลงทุนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความเป็นอิสระของ ธปท.นับตั้งแต่รัฐบาลเพิ่มแรงกดดันให้ ธปท.ปรับลดอัตราดอกเบี้ย และข่าวลือเกี่ยวกับการแต่งตั้งนายกิตติรัตน์ ยิ่งส่งผลให้นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายมากขึ้น
“ตราบใดที่ความเป็นอิสระของ ธปท.ยังคงมีความเสี่ยง นักลงทุนจะยังคงหันไปถือครองสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับบาทในระยะยาว” วิกโตริโน กล่าว
เงินบาทอ่อนค่าลงกว่า 7% ในไตรมาสนี้ ซึ่งทำผลงานย่ำแย่ที่สุดในเอเชีย หลังจากรัฐบาลกดดันให้ ธปท.ปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยแนวโน้มเงินบาทย่ำแย่ลงอีก เมื่อนักลงทุนเริ่มระมัดระวังการซื้อขายสินทรัพย์ในตลาดเกิดใหม่ หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และคาดการณ์ว่าสหรัฐฯ จะบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีการค้าเป็นวงกว้าง
ลอยด์ ชาน นักกลยุทธ์ค่าเงินจากธนาคาร MUFG ในสิงคโปร์ กล่าวว่า “การแต่งตั้งนายกิตติรัตน์ เป็นประธานบอร์ด ธปท.คนใหม่ อาจทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า อาจจะลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปีหน้า” พร้อมกับกล่าวว่า การที่ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเสี่ยงมากที่สุดที่จะเผชิญผลกระทบจากภาษีการค้าของทรัมป์นั้น อาจทำให้เงินบาทได้รับผลกระทบมากเป็น 2 เท่า
ที่มา: บลูมเบิร์ก