สรุปข่าวต่างประเทศ ประจำวันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568

สรุปข่าวต่างประเทศ ประจำวันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568

*** ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ  กลับมาใช้มาตรการคว่ำบาตร “ระดับสูงสุด” ต่ออิหร่านอีกครั้ง โดยมีเป้าหมายที่จะลดการส่งออกน้ำมันของอิหร่านลงเหลือศูนย์ เพื่อหยุดยั้งการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่าน โดยก่อนการประชุมกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล ทรัมป์ได้ลงนามเพื่อฟื้นฟูนโยบายที่เข้มงวดต่ออิหร่าน ซึ่งเคยถูกนำมาใช้ตลอดสมัยแรกของการดำรงตำแหน่ง โดยขณะที่ทรัมป์ลงนามในบันทึกฉบับนี้ ได้อธิบายว่านโยบายดังกล่าวมีความเข้มงวดมาก อย่างไรก็ตาม ได้กล่าวว่าเขาเปิดกว้างสำหรับการทำข้อตกลงกับอิหร่านและแสดงความเต็มใจที่จะพูดคุยกับผู้นำอิหร่าน “สำหรับผม มันง่ายมาก ก็คือ อิหร่านไม่ควรมีอาวุธนิวเคลียร์”

*** ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ กล่าวว่า ยังไม่เร่งรีบที่จะหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน เพื่อพยายามผ่อนคลายสงครามการค้าครั้งใหม่ระหว่างสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีนำเข้า 10% กับสินค้านำเข้าจากจีนทั้งหมด จากสาเหตุดังกล่าว ทำให้จีนตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีเป้าหมายกับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เช่นกัน และประกาศเตือนบริษัทหลายแห่ง รวมถึง Google ว่าอาจถูกคว่ำบาตร โดยทรัมป์กล่าวว่า “ไม่เป็นไร” เมื่อถูกถามเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้ของจีน

*** รัฐมนตรีเศรษฐกิจของเม็กซิโก กล่าวว่า ระยะเวลา 1 เดือนนั้น ถือว่ามากเกินพอสำหรับการบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ ก่อนที่มาตรการภาษีที่ถูกสหรัฐฯ ขู่ไว้จะมีผลบังคับใช้ พร้อมเน้นย้ำว่าทั้ง 2 ประเทศอยู่ในสถานะที่เท่าเทียมกันมากขึ้นเมื่อเข้าสู่โต๊ะเจรจา โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยขู่จะเรียกเก็บภาษี 25% กับทั้งเม็กซิโกและแคนาดา แต่ได้ตัดสินใจเลื่อนไปอีกหนึ่งเดือนเมื่อวันจันทร์ เพื่อแลกกับการที่ทั้งสองประเทศให้คำมั่นในการปราบปรามการค้ายาเสพติดและปัญหาผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมาย

*** ตลาดหุ้นของจีนกลับมาเปิดทำการอีกครั้งในวันพุธ (5 ก.พ.) หลังจากหยุดยาวหนึ่งสัปดาห์ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ท่ามกลางข้อพิพาททางการค้ากับสหรัฐฯ และความปั่นป่วนในภาคปัญญาประดิษฐ์ทั่วโลก โดยนักลงทุนกล่าวว่ากำลังจับตาดูว่ารัฐบาลจีนจะดำเนินมาตรการใดเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่น

*** Goldman Sachs ระบุว่า การตอบโต้ของจีน ด้วยการขึ้นภาษีศุลกากรต่อสินค้าสหรัฐฯ คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานเพียงเล็กน้อย โดยกระทรวงการคลังจีน ประกาศเรียกเก็บภาษี 15% สำหรับถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากสหรัฐฯ และ 10% สำหรับน้ำมันดิบ อุปกรณ์การเกษตร และรถยนต์บางประเภท โดย Goldman Sachs ระบุว่า “เรามองว่า ผลกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในระยะสั้นจะมีจำกัด เนื่องจากมาตรการภาษีของจีน ไม่ได้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุปทานหรืออุปสงค์ของสินค้าเหล่านี้ในตลาดโลก” พร้อมชี้ว่า ปริมาณการส่งออกสินค้าของสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบจากภาษีเหล่านี้ น่าจะสามารถหาตลาดซื้อขายใหม่ได้ไม่ยาก ในขณะที่จีนก็สามารถหาซัพพลายเออร์รายอื่นมาทดแทนสินค้าเหล่านี้ได้เช่นกัน

** หนังสือพิมพ์ Asahi Shimbun รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวหลายแห่งว่า บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นอย่าง ฮอนด้า และ นิสสัน อาจยกเลิกการเจรจาเรื่องการควบรวมกิจการ ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวจะทำให้นิสสันที่กำลังเผชิญปัญหาอยู่แล้ว ต้องเข้าสู่ความไม่แน่นอนมากยิ่งขึ้น โดยฮอนด้า ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 2 ของญี่ปุ่น และ นิสสัน ซึ่งอยู่ในอันดับ 3 ได้ประกาศเมื่อปีที่แล้วว่า บริษัทกำลังเจรจาเพื่อควบรวมกิจการ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ญี่ปุ่น โดยสะท้อนให้เห็นถึงภัยคุกคามครั้งใหญ่ที่มาจาก BYD ของจีน และค่ายผู้ผลิตรายใหม่ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้ารายอื่น ๆ

*** Tesla รายงานยอดขายที่ลดลงใน 5 ประเทศในยุโรปในเดือนม.ค. รวมถึงสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส เนื่องจากค่ายคู่แข่งมีรถยนต์รุ่นใหม่กว่า ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบเหนือ Tesla โดยยอดขายของ Tesla ในสหราชอาณาจักรลดลงเกือบ 12% ในเดือนม.ค. แม้ว่ายอดจดทะเบียน EV รายเดือน จะพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ก็ตาม ขณะที่ยอดขายในฝรั่งเศสลดลง 63%, สวีเดน ลดลง 44% และนอร์เวย์ ลดลง 38% ขณะที่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ พยว่ามียอดจดทะเบียนรถยนต์มากกว่า 1.7 ล้านคันในปี 2024 โดยยอดขายของ Tesla ลดลง 12%

ที่มา: สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย