สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า การประชุมของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ในเดือนม.ค. แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิม ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงสูงและความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
รายงานการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) วันที่ 28-29 ม.ค. ระบุว่า “ผู้เข้าร่วมประชุมระบุว่า หากเศรษฐกิจยังคงอยู่ใกล้ระดับการจ้างงานสูงสุด พวกเขาต้องการเห็นพัฒนาการเกี่ยวกับเงินเฟ้อ ก่อนที่จะทำการปรับเปลี่ยนช่วงเป้าหมายของอัตราดอกเบี้ย” โดยรายงานการประชุมที่เผยแพร่ล่าสุด ยังแสดงให้เห็นว่า “ผู้เข้าร่วมประชุมจำนวนมาก ตั้งข้อสังเกตว่า คณะกรรมการสามารถคงอัตราดอกเบี้ยในระดับที่เข้มงวดได้ หากเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่งและเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง” โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ช่วง 4.25%-4.50% ในการประชุมดังกล่าว
บันทึกการประชุม แสดงให้เห็นถึงแนวทางที่ระมัดระวังของเฟด หลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 1% ในช่วงปลายปี 2024 โดยเจ้าหน้าที่หลายคนระบุว่า ต้องการเห็นเงินเฟ้อปรับตัวลดลงเข้าใกล้เป้าหมาย 2% ของเฟด ก่อนที่จะพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้ง ซึ่งในปัจจุบัน นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้งในปี 2025 และมีความเป็นไปได้ที่จะปรับลดอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่บางคนแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากวิกฤตเพดานหนี้ที่อาจเกิดขึ้นอีกครั้ง “เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของความผันผวนอย่างมากของเงินสำรองในช่วงหลายเดือนข้างหน้า อันเนื่องมาจากพลวัตของเพดานหนี้ ผู้เข้าร่วมประชุมหลายคนตั้งข้อสังเกตว่า อาจเหมาะสมที่จะพิจารณาหยุดชั่วคราว หรือชะลอการปรับลดงบดุล จนกว่าสถานการณ์จะได้รับการแก้ไข”
รัฐบาลสหรัฐฯ บรรลุขีดจำกัดเพดานหนี้ตามกฎหมายในเดือนม.ค. และกระทรวงการคลังได้ใช้ “มาตรการพิเศษ” เพื่อขยายขีดความสามารถในการชำระค่าใช้จ่ายของรัฐบาลกลาง โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สนับสนุนแผนของพรรครีพับลิกัน ที่เสนอให้เพิ่มเพดานหนี้ขึ้น 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่กระบวนการเจรจาอาจใช้เวลานานหลายเดือน
ทั้งนี้ แม้เฟดจะมองว่าความเสี่ยงทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับที่สมดุล แต่รายงานการประชุม ระบุว่า “ผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงขาขึ้นของแนวโน้มเงินเฟ้อ” โดย ผู้เข้าร่วมประชุมอ้างถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าและตรวจคนเข้าเมือง ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจทำให้ห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงัก หรือการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่แข็งแกร่งกว่าที่คาด
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เฟดยังคงคาดหวังว่า “หากใช้นโยบายการเงินที่เหมาะสม เงินเฟ้อจะลดลงสู่ระดับเป้าหมาย 2%”
ที่มา: บลูมเบิร์ก