จีนประกาศกร้าวจะ “ต่อสู้จนถึงที่สุด” หลังถูกทรัมป์ขู่รีดภาษีเพิ่ม รวมเป็น 104%

จีนประกาศกร้าวจะ “ต่อสู้จนถึงที่สุด” หลังถูกทรัมป์ขู่รีดภาษีเพิ่ม รวมเป็น 104%

รัฐบาลจีน ประกาศจะตอบโต้นโยบายภาษีรอบล่าสุดของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมใช้มาตรการต่างๆ เพื่อพยุงตลาดการเงิน ซึ่งนับเป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่สงครามการค้าระหว่าง 2 ชาติเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกจะยืดเยื้อออกไป

กระทรวงพาณิชย์จีน ระบุในแถลงการณ์ว่า “คำขู่ของสหรัฐฯ ที่จะเก็บภาษีกับจีนเพิ่มขึ้น ถือเป็นการทำผิดซ้ำซาก หากสหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าในเส้นทางนี้ จีนจะสู้จนถึงที่สุด”

คำตอบโต้ของจีนเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมง หลังจากทรัมป์ประกาศจะเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมอีก 50% หากจีนไม่ยกเลิกมาตรการตอบโต้ภาษีที่ทรัมป์ประกาศก่อนหน้านี้ โดยท่าทีแข็งกร้าวดังกล่าว สะท้อนว่า รัฐบาลจีน จะไม่ยอมอ่อนข้อให้แผนกดดันของทรัมป์ ซึ่งถือเป็นการลดโอกาสที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงในเร็ววัน

มิเชล แลม (Michelle Lam) นักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคจีน จาก Societe Generale กล่าวว่า “ท่าทีของจีนถือว่าแข็งกร้าวมาก หากทรัมป์ไม่ยอมถอย นักลงทุนอาจต้องเตรียมตัวรับความเป็นไปได้ที่ห่วงโซ่การค้า (Decoupling) ระหว่างทั้ง 2 ประเทศ จะแยกจากกัน”

ขณะเดียวกัน ทางการจีนได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า จะพยุงตลาด โดยธนาคารกลางจีนเริ่มผ่อนคลายการควบคุมค่าเงินหยวน เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของการส่งออก ขณะเดียวกัน กองทุนรัฐบาลจีน ที่เรียกว่า “ทีมชาติ” (National Team) ได้เข้าซื้อสินทรัพย์จำนวนมาก นอกจากนี้ รัฐบาลยังให้คำมั่นว่า จะปล่อยเงินกู้เพื่อรักษาเสถียรภาพตลาด และมีรายงานว่า กำลังพิจารณาอัดฉีดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่วงหน้า

เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว เปิดเผยว่า ภาษีล่าสุดที่ทรัมป์เสนอ จะถูกเพิ่มเข้าไปจากอัตราภาษีตอบโต้ 34% ที่จะเริ่มใช้ในวันที่ 9 เม.ย. และการขึ้นภาษีอีก 20% ที่มีผลไปก่อนหน้านี้ ซึ่งเท่ากับจะทำให้ภาษีต่อจีนที่ประกาศไปแล้วในปีนี้ อยู่ที่ 104% โดยแม้จะมีท่าทีแข็งกร้าว กระทรวงพาณิชย์จีนก็ยังเรียกร้องให้มีการเจรจาเพื่อแก้ไขข้อขัดแย้ง แต่ทรัมป์เตือนว่า หากจีนไม่ยอม “ดำเนินการบางอย่าง” (โดยไม่ระบุว่าอะไร) การเจรจาทั้งหมดจะยุติลง

การเผชิญหน้ารอบใหม่นี้ ทำให้ความเป็นไปได้ที่ผู้นำทั้ง 2 ประเทศ จะพูดคุยกันในเร็ววันลดน้อยลง โดยนับตั้งแต่ทรัมป์กลับเข้าสู่ทำเนียบขาว เขายังไม่เคยพูดคุยกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิงเลย ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ได้ติดต่อกับผู้นำจีนหลังเข้ารับตำแหน่ง ยาวนานที่สุดในรอบ 20 ปี

ทั้งนี้ ในถ้อยแถลงล่าสุด หลิว เผิงอวี้ โฆษกสถานทูตจีน ประจำกรุงวอชิงตัน กล่าวประณามท่าทีของสหรัฐฯ ว่า “การข่มขู่ไม่ใช่วิธีการที่เหมาะสมในการติดต่อกับจีน” พร้อมเสริมว่า “การกระทำแบบชาติเผด็จการในนามของการตอบโต้ เป็นเพียงการแสวงหาผลประโยชน์ของตนเอง โดยแลกกับผลประโยชน์อันชอบธรรมของประเทศอื่น และยกคำพูด “อเมริกาต้องมาก่อน” เหนือกฎระเบียบสากล”


ที่มา: บลูมเบิร์ก