ธนาคารโลก หรือเวิลด์แบงก์ (World Bank) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2025 ลง 0.4% สู่ระดับ 2.3% เนื่องจากมาตรการภาษีนำเข้าที่เพิ่มสูงขึ้นจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนทางการค้า ซึ่งกำลังเป็น “อุปสรรคใหญ่” ต่อชาติเศรษฐกิจเกือบทุกประเทศ ด้านไทยถูกปรับลดลง 1.1 จุด จากคาดการณ์เดิมเมื่อเดือนม.ค. ลงมาอยู่ที่ 1.8%
รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ประจำครึ่งปี 2025 ของธนาคารโลก ระบุว่า การคาดการณ์เศรษฐกิจโลก ซึ่งครอบคลุมเกือบ 70% ของชาติเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงสหรัฐฯ จีน ยุโรป และตลาดเกิดใหม่อีก 6 แห่ง ถูกปรับลดลงจากที่เคยคาดไว้เมื่อ 6 เดือนก่อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้ารับตำแหน่งผู้นำอย่างเป็นทางการ โดยสาเหตุหลักมาจากนโยบายภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ทำให้อัตราภาษีสหรัฐฯ พุ่งจากต่ำกว่า 3% เป็นประมาณ 15% (สูงสุดในรอบเกือบ 100 ปี) และก่อให้เกิดการตอบโต้จากจีนและประเทศอื่น ๆ ขณะที่ การค้าโลกประสบภาวะชะลอตัว
ธนาคารโลกเป็นหน่วยงานล่าสุดที่ปรับลดคาดการณ์การเติบโต เนื่องจากนโยบายการค้าที่ไม่แน่นอนของทรัมป์ แม้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ จะยืนยันว่า ผลกระทบเชิงลบจะถูกชดเชยด้วยการลงทุนที่พุ่งสูงขึ้นและมาตรการลดภาษีที่ยังรอการอนุมัติ แม้จะไม่ได้คาดการณ์ว่าจะเกิดภาวะถดถอย แต่รายงานระบุว่า การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะอ่อนแอที่สุด นับตั้งแต่สิ้นสุดช่วงภาวะถดถอยในปี 2008 และคาดว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยของ GDP โลกในปี 2027 จะอยู่ที่เพียง 2.5% ซึ่งต่ำที่สุดในรอบหลายทศวรรษ นับตั้งแต่ทศวรรษ 1960
รายงานยังคาดการณ์ว่า การค้าโลกในปี 2025 จะเติบโตเพียง 1.8% ลดลงจาก 3.4% ในปี 2024 และเหลือเพียงประมาณ 1 ใน 3 ของระดับ 5.9% ที่เคยเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 2000 โดยคาดการณ์นี้อิงจากอัตราภาษีที่มีผล ณ สิ้นเดือนพ.ค. ซึ่งรวมถึงภาษีของสหรัฐฯ 10% ที่เก็บจากสินค้านำเข้าจากหลายประเทศ แต่ไม่รวมการขึ้นภาษีที่ทรัมป์ประกาศในเดือนเม.ย. และเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 9 ก.ค.เพื่อเปิดทางให้เจรจา
ธนาคารโลก ยังกล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกคาดว่าจะอยู่ที่ 2.9% ในปี 2025 ซึ่งยังคงสูงกว่าระดับก่อนโควิด-19 เนื่องจากผลกระทบจากภาษีที่เพิ่มขึ้นและตลาดแรงงานที่ตึงตัว “ความเสี่ยงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ยังคงโน้มเอียงไปทางขาลงอย่างชัดเจน” โดยหากสหรัฐฯ ขึ้นภาษีเฉลี่ยเพิ่มอีก 0.10% จากที่มีอยู่แล้ว 10% และประเทศอื่นตอบโต้ในระดับใกล้เคียง อาจฉุดการเติบโตปี 2025 ลงอีก 0.5 จุด
ซึ่งหากมีการยกระดับข้อจำกัดทางการค้าเช่นนี้ จะส่งผลให้ “การค้าโลกหยุดชะงักในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ตามมาด้วยความเชื่อมั่นที่ดิ่งลง ความไม่แน่นอนที่พุ่งสูง และความปั่นป่วนในตลาดการเงิน” อย่างไรก็ตาม รายงานยังระบุว่า ความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกยังคงต่ำกว่าระดับ 10%
ทั้งนี้ ธนาคารโลก ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ ลงถึง 0.9 จุด มาอยู่ที่ 1.4% และแนวโน้มปี 2026 ถูกปรับลงอีก 0.4 จุด อยู่ที่ 1.6% พร้อมปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจยูโรโซนลง 0.3 จุด มาอยู่ที่ 0.7% และของญี่ปุ่นลง 0.5 จุด เหลือ 0.7%
ในขณะเดียวกัน ตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา คาดว่าจะเติบโตที่ 3.8% ในปี 2025 ลดลงจาก 4.1% ที่คาดไว้ในเดือนม.ค. ด้านประเทศยากจน จะได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยในปี 2027 GDP ต่อหัวของประเทศกำลังพัฒนา (ไม่นับรวมจีน) จะยังต่ำกว่าระดับก่อนเกิดโควิดถึง 6% และอาจต้องใช้เวลาถึง 20 ปี เพื่อฟื้นคืนความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 2020
ในขณะที่ คาดการณ์เศรษฐกิจจีน ยังคงไว้ที่ 4.5% เช่นเดิมจากเดือนม.ค. โดยธนาคารโลก ระบุว่า จีนยังมีนโยบายการเงินและการคลังที่สามารถนำมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจได้
ด้านภาพรวมของชาติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน พบว่า ประเทศไทยถูกปรับลดลง 1.1 จุด ลงมาอยู่ที่ระดับ 1.8% ขณะที่ เวียดนามอยู่ที่ 5.8% (-0.8 จุด), ฟิลิปปินส์อยู่ที่ 5.3% (-0.8) อินโดนีเซีย 4.7% (-0.4 จุด), ลาว 3.5% (-0.2 จุด), กัมพูชา 4.0% (-1.5 จุด) และเมียนมา อยู่ที่ -2.5% (-4.5 จุด)
ที่มา Reuters, สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย