ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.5% ตามคาดในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินวันนี้ และเผยแผนชะลอการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลลงอีก เริ่มเม.ย. 2026 ท่ามกลางความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่นยังย้ำแผนเดิมว่า จะยังคงลดการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น (JGB) รายเดือน ลงประมาณ 400,000 ล้านเยน (ประมาณ 2,760 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ต่อไตรมาส ไปจนครบ 3 ล้านล้านเยน ต่อเนื่องจนถึงเดือนมี.ค. 2026
หลังจากนั้น ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะชะลอการซื้อพันธบัตรลงมาอยู่ที่ 200,000 ล้านเยนต่อไตรมาส ตั้งแต่เดือนเม.ย. 2026 – มี.ค. 2027 โดยตั้งเป้าหมายลดการเข้าซื้อเหลือประมาณ 2 ล้านล้านเยน และจะกลับมาประเมินอีกครั้งในการประชุมนโยบายการเงินเดือนมิ.ย. 2026 ซึ่งการลดลงครั้งนี้มีเป้าหมายในการปรับปรุงกลไกการทำงานของตลาดพันธบัตรญี่ปุ่น เพื่อสนับสนุนเสถียรภาพในตลาด
นอกจากนี้ ยังคาดว่า BOJ จะเข้าซื้อพันธบัตรประมาณ 4.1 ล้านล้านเยนต่อเดือน ในช่วงไตรมาสสองปีนี้
แม้ว่า ธนาคารกลางจะระบุว่า จะลดการเข้าซื้อพันธบัตรลง แต่ นายคาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการ BOJ เผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าได้แจ้งต่อรัฐสภาญี่ปุ่นว่า ธนาคารกลางจะเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ย ก็ต่อเมื่อมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นว่า เงินเฟ้อพื้นฐานจะใกล้แตะ 2% หรือเคลื่อนไหวอยู่ระดับนั้น
เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอน ขณะที่ อัตราเงินเฟ้อยังสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของ BOJ มานานสามปี โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของญี่ปุ่น เดือนเม.ย. อยู่ที่ 3.5% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะราคาข้าวที่พุ่งสูงขึ้น เนื่องจากการขาดแคลนข้าว
ขณะที่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของญี่ปุ่น หดตัว 0.2% ในไตรมาสแรก เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เนื่องจากยอดส่งออกลดลง นับเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งปีที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
ที่มา CNBC , สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย