จีนอัดฉีดสภาพคล่องระยะสั้น แตะ 1.81 แสนล้านดอลลาร์ สูงสุดในปีนี้

จีนอัดฉีดสภาพคล่องระยะสั้น แตะ 1.81 แสนล้านดอลลาร์ สูงสุดในปีนี้

จีนอัดฉีดสภาพคล่องระยะสั้น แตะ 1.81 แสนล้านดอลลาร์ สูงสุดในปีนี้ รับมือแรงกดดันภาษี – การออกพันธบัตรรัฐบาล

จีนเพิ่มการอัดฉีดสภาพคล่องระยะสั้นในสัปดาห์นี้ แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายเพื่อเติมเงินสดเข้าสู่ระบบธนาคาร เนื่องจากการชำระภาษีและการออกพันธบัตรรัฐบาลจำนวนมาก

ธนาคารกลางจีน (PBOC) อัดฉีดสภาพคล่องสุทธิ 1.3 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 181,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เข้าสู่ระบบผ่านข้อตกลง reverse repo ระยะ 7 วัน โดยการดำเนินการครั้งนี้ เกิดขึ้นในขณะที่อัตราดอกเบี้ย repo แบบข้ามคืนและ 7 วันเพิ่มสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางจีน ซึ่งสะท้อนถึงภาวะสภาพคล่องที่ตึงตัว โดยการอัดฉีดเงินยังเป็นการรักษาสภาพคล่องในระบบให้เพียงพอ เพื่อพยุงเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง ทั้งจากการส่งออกที่อาจชะลอตัว และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในประเทศที่ยังอ่อนแอ

เจ้าเผิง ซิง (Zhaopeng Xing) นักกลยุทธ์อาวุโสจากธนาคาร ANZ กล่าวว่า PBOC ต้องเร่งอัดฉีดเงินระยะสั้นเพื่อรองรับแรงกดดันจากการออกพันธบัตรรัฐบาลและการชำระภาษี โดยเดือนก.ค. ถือเป็นช่วงสำคัญของการชำระภาษีในจีน ซึ่งนอกจากภาษีรายเดือนอย่าง VAT และภาษีรายได้แล้ว ยังมีภาษีรายไตรมาส เช่น ภาษีอากรแสตมป์ และภาษีสิ่งแวดล้อม ที่ครบกำหนดในช่วงกลางเดือนก.ค. ด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ การออกพันธบัตรรัฐบาลจำนวนมาก ก็เป็นอีกปัจจัยที่ดูดเงินออกจากระบบ โดยบริษัท Huachuang Securities คาดว่า การออกพันธบัตรสุทธิของรัฐบาลในเดือนนี้จะอยู่ที่ประมาณ 1.6 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้นเกือบ 1 ล้านล้านหยวนจากปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม เจ้าเผิง ซิง คาดว่า PBOC จะไม่อัดฉีดเงินเข้าระบบต่อเนื่อง เพราะภาษีหลักๆ ครบกำหนดไปเมื่อวันที่ 15 ก.ค.แล้ว

ทั้งนี้ การอัดฉีดสภาพคล่องสุทธิของ PBOC ในวันศุกร์ ชะลอลงมาอยู่ที่ 102,800 ล้านหยวน จากระดับสูงสุด 444,600 ล้านหยวนในวันพุธ ขณะที่อัตราดอกเบี้ย repo ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ซึ่งสะท้อนว่า มาตรการของธนาคารกลางเริ่มช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดด้านสภาพคล่องได้แล้ว

ที่มา Bloomberg, สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย