อินเดีย กำลังพิจารณาทางเลือกเพื่อเสนอมาตรการผ่อนปรนทางการค้าให้กับสหรัฐฯ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตัดสินใจเรียกเก็บภาษีสินค้าจากอินเดียเพิ่มขึ้น 50% ขณะที่ นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี เข้าพบกับผู้นำบราซิล เพื่อหารือทางการค้า และคาดว่าจะมีกำหนดเดินทางเยือนจีน เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี ในเดือนส.ค. นี้ ท่ามกลางความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ที่กำลังแย่ลง
อินเดียมองว่า ช่วงเวลา 21 วัน ก่อนที่ภาษีใหม่จะมีผลบังคับใช้เต็มรูปแบบ เป็นโอกาสในการเจรจาต่อรองกับรัฐบาลของทรัมป์ โดยในขณะนี้ เจ้าหน้าที่ยังไม่มีแผนที่จะตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีเช่นกัน ซึ่งในการพิจารณาหาแนวทางรับมือ อินเดียให้ความสำคัญสูงสุดกับการบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯ โดยกำลังประเมินว่าควรจะเสนอการผ่อนปรนบางอย่าง โดยเฉพาะในภาคการเกษตรและผลิตภัณฑ์จากนม เพื่อตอบสนองความต้องการของสหรัฐฯ ขณะเดียวกันก็ต้องพยายามลดผลกระทบต่อผู้ผลิตภายในประเทศให้ได้มากที่สุด
ข้อเสนอหนึ่งที่อยู่ระหว่างการหารือ คือ การอนุญาตให้นำเข้าข้าวโพดดัดแปลงพันธุกรรมสำหรับอาหารสัตว์ในปริมาณจำกัด โดยต้องมีข้อกำหนดในการตรวจสอบย้อนกลับที่เข้มงวด โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งบริหารเพื่อเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม 25% จากสินค้าของอินเดีย โดยอ้างเหตุผลจากการที่อินเดียยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซียอย่างต่อเนื่อง มาตรการดังกล่าวจะเพิ่มจากภาษี 25% ที่เคยประกาศไปแล้ว ทำให้ภาษีรวมเป็น 50% และจะเริ่มมีผลในอีก 3 สัปดาห์
เจ้าหน้าที่อินเดียตั้งใจที่จะใช้ช่องทางทางการทูตและการค้าก่อนพิจารณามาตรการตอบโต้ โดยมีเป้าหมายเพื่อทำข้อตกลงทวิภาคีที่ยังคงรักษาอธิปไตยทางยุทธศาสตร์ของอินเดียไว้ โดยกระทรวงการต่างประเทศอินเดีย ปกป้องการซื้อน้ำมันจากรัสเซีย โดยกล่าวว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ และวิจารณ์การเลือกปฏิบัติของทรัมป์ โดยระบุว่า “การกระทำเหล่านี้ไม่เป็นธรรม ไม่มีเหตุผล และไม่สมเหตุสมผล”
ทั้งนี้ มาตรการภาษีของทรัมป์ สร้างความตกใจและผิดหวังให้กับอินเดียอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ทั้ง 2 ฝ่ายส่งสัญญาณถึงความคืบหน้าในการเจรจาข้อตกลงการค้าก่อนหน้านี้
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย เข้าหารือทางการค้ากับผู้นำบราซิล และคาดว่าจะมีกำหนดเดินทางเยือนจีนเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปีในเดือนส.ค. นี้ ท่ามกลางสถานการณ์ความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ที่กำลังแย่ลง โดยรัฐบาลบราซิลระบุในแถลงการณ์ว่า ประธานาธิบดี ลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา และโมดี ได้หารือกันเกือบ 1 ชั่วโมง โดยพูดคุยเกี่ยวกับการที่สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีฝ่ายเดียวต่อประเทศของตน และย้ำถึงแผนการที่จะกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
แม้จะไม่ได้ระบุชื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ โดยตรง แต่รัฐบาลบราซิลก็กล่าวว่า “จนถึงตอนนี้ บราซิลและอินเดียเป็น 2 ประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากมาตรการภาษีที่ผู้นำสหรัฐฯ ได้บังคับใช้
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี ของอินเดีย มีกำหนดจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดขององค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organisation – SCO) ที่นำโดยจีน และจะประชุมทวิภาคีกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง นอกรอบการประชุม โดยการประชุมสุดยอด SCO มีกำหนดจัดขึ้นที่เมืองเทียนจิน ในวันที่ 31 ส.ค. และ 1 ก.ย.นี้
ทั้งนี้ อินเดีย บราซิล จีน และรัสเซีย เป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งกลุ่มประเทศ BRICS ซึ่งทรัมป์เคยโจมตีว่าเป็นกลุ่มที่ต่อต้านสหรัฐฯ โดยบราซิลก็เป็นอีกประเทศที่ได้รับผลกระทบจากภาษี 50% จากผู้นำสหรัฐฯ เช่นกัน