ปิดตำนานเบอร์หนึ่งอสังหาฯ จีน! ฮ่องกงถอดหุ้น Evergrande ออกจากตลาดหลักทรัพย์ มีผล 25 ส.ค.
บริษัท China Evergrande Group อดีตยักษ์ใหญ่อสังหาริมทรัพย์จีน เผยว่า หุ้นของบริษัทจะถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง โดยจะมีผลในวันที่ 25 ส.ค. นี้

China Evergrande Group ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งของจีน ระบุว่า ตลาดหลักทรัพย์มีมติให้เพิกถอนหุ้นของบริษัท ตามเอกสารที่ยื่นเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (12 ส.ค.) ซึ่งจะมีผลในวันที่ 25 ส.ค. โดยบริษัทจะไม่ยื่นคำร้องเพื่อขอทบทวนการตัดสินใจ
การเพิกถอนครั้งนี้ สืบเนื่องจากบริษัทได้รับคำสั่งให้ชำระบัญชีจากศาลฮ่องกงเมื่อปลายเดือนม.ค. 2024 นำไปสู่การระงับซื้อขายหุ้นตั้งแต่นั้นเรื่อยมา โดยตามระเบียบของตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงมีกฎว่า หากหุ้นตัวใดถูกระงับการซื้อขายเป็นเวลา 18 เดือนหรือนานกว่านั้น มีสิทธิถูกเพิกถอนได้
ผู้ชำระบัญชีที่ได้รับการแต่งตั้งจากศาลระบุในเอกสารอีกฉบับเมื่อวันอังคารว่า มูลค่าหนี้สินของ Evergrande สูงกว่าที่เคยประเมินไว้มาก ทำให้การปรับโครงสร้างหนี้แบบองค์รวมไม่สามารถทำได้แล้ว โดยเอกสารระบุว่า บริษัทมีหนี้สินรวมสูงถึง 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าตัวเลข 27,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่เคยเปิดเผยในงบการเงินเมื่อเดือนธ.ค. 2022 มาก ขณะนี้ บริษัทกำลังเผชิญกับการเรียกร้องจากเจ้าหนี้ รวมทั้งสิ้น 187 รายการ
การเพิกถอนหุ้นออกจากตลาดยิ่งบั่นทอนความหวังที่ผู้ถือหุ้น Evergrande จะได้รับเงินคืน ซึ่งนักวิเคราะห์จาก Bloomberg Intelligence ให้ความเห็นว่า ผู้ถือหุ้นอาจต้องทำใจยอมรับการสูญเสียเงินลงทุนเกือบทั้งหมด เนื่องจากเจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิได้รับเงินก่อนจะเข้ามาทวงหนี้มูลค่ามหาศาล
ทั้งนี้ ราคาหุ้นของ Evergrande ในการซื้อขายครั้งสุดท้าย ณ วันที่ 29 ม.ค. 2024 ต่ำกว่า 20 เซนต์ฮ่องกง ทำให้มูลค่าตลาดอยู่ที่ 2,150 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 274 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
การล่มสลายของ Evergrande ถือเป็นวิกฤตครั้งใหญ่ที่ฉุดรั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน และสร้างความปั่นป่วนอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในภาคอสังหาฯ ซึ่งครั้งหนึ่งบริษัทเคยเป็นบริษัทอันดับหนึ่งแห่งวงการในด้านยอดขาย และเคยมีมูลค่าตลาดสูงกว่า 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2017 ซึ่งเป็นช่วงที่เติบโตถึงขีดสุด อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์เป็นครั้งแรกในเดือนธ.ค. 2021 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการล้มละลายในเวลาต่อมา
ที่มา Bloomberg, สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย