
J.P. Morgan เผยภาพรวมตลาดหุ้นไทยปรับตัวแกร่งสุด นับจากปี 2020 หลัง SET Index เดือนก.ค. พุ่งกว่า 14% จากหลายปัจจัยบวก อาทิ แรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติที่กลับมาอีกครั้ง การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง ข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯ รวมไปถึงดีมานด์ด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI)
ดัชนี SET ทะลุกรอบเป้าหมายกรณีฐาน (Base Case Scenario) ที่ 1,200 จุดไปเรียบร้อยแล้ว โดย J.P. Morgan มองว่า ตลาดได้ Price in ปัจจัยบวกไปแล้วเช่นกัน พร้อมทั้งประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต จากผลกระทบในภาคการท่องเที่ยว อุปสงค์ในประเทศที่ยังคงซบเซา และแรงหนุนจากการเร่งส่งออกล่วงหน้าที่แผ่วลง
J.P. Morgan มองว่า เงินทุนไหลเข้าอาจเป็นปัจจัยขับเคลื่อนตลาดในระยะสั้น แต่ยังขาดปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งที่จะส่งดัชนีให้ไปต่อ จึงยังคงเป้าหมายดัชนี SET สิ้นปีไว้ที่ 1,200 จุด โดยให้กรอบเป้าหมายในกรณีที่แย่ที่สุดที่ 900 จุด ดีที่สุดที่ 1,350 จุด
โดยหุ้นกลุ่ม Top Pick ได้แก่ TRUE, CPALL, BH, BDMS, MINT, GULF, KBANK, KTB, BLA และ TLI
ปัจจัยที่ต้องจับตามอง
*** ความชัดเจนของข้อตกลงทางการค้า ลดความเสี่ยง-ดึงเม็ดเงินลงทุน
รัฐบาลสหรัฐฯ ได้กำหนดอัตราภาษีตอบโต้ 19% สำหรับสินค้าไทย ซึ่งต่ำกว่าที่เคยประกาศไว้ในตอนแรกที่ 36% โดยอัตราใหม่อยู่ในระดับเดียวกับประเทศอื่นๆ ในอาเซียน (เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย) ตามที่ J.P. Morgan คาดการณ์ไว้ และต่ำกว่าจีนที่ 55% มาก ซึ่งช่วยคลายความกังวลของนักลงทุนและภาคธุรกิจในไทย
ตลาดหุ้นไทยยังคงได้รับแรงหนุนในระยะสั้น จากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่กลับมา โดยในเดือนก.ค. มีเงินทุนจากต่างประเทศกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทยประมาณ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ตลาดปรับตัวขึ้นกว่า 14% แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มตลาดเกิดใหม่และเอเชีย
กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีเงินทุนไหลเข้ามากที่สุด ได้แก่ ขนส่ง (AOT) ธนาคาร (KBANK, BBL) พาณิชย์ (CPALL) สาธารณูปโภค (GULF) และ อสังหาริมทรัพย์ (CPN)
อย่างไรก็ตาม มูลค่าต่างชาติขายสุทธิสะสมตั้งแต่ต้นปี ยังคงมีสูงถึง 1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
*** ผลกระทบต่อการท่องเที่ยว อุปสงค์ในประเทศที่ซบเซา แรงหนุนเร่งส่งออกล่วงหน้าแผ่ว มีแนวโน้มจำกัด Upside ในอนาคต
จำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าในช่วงครึ่งปีแรก ลดลง 4.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากความขัดแย้งบริเวณชายแดนและเหตุการณ์กราดยิง จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว ขณะที่ สมาคมโรงแรมไทย เปิดเผยว่า มีตัวเลขการยกเลิกห้องพักเพิ่มขึ้น ตั้งแต่ปลายเดือนก.ค.
ด้านอุปสงค์ในประเทศ ข้อมูลชี้วัดต่างๆ อาทิ การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ความเชื่อมั่นผู้บริโภค และรายได้ภาคเกษตร ยังคงส่งสัญญาณถึงความเสี่ยงที่รออยู่ โดยการเร่งส่งออกล่วงหน้าและการลดภาษีได้ผลักดันแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ แต่ J.P. Morgan มองว่าช่วงขาขึ้นส่วนใหญ่ได้ผ่านไปแล้ว โดยคาดว่า การเติบโตของ GDP ในไตรมาส 3 และ 4 มีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงเหลือ 0.5% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส จากระดับประมาณ 2.8% ในไตรมาส 1 และ 2
*** ผลประกอบการไตรมาส 2 ออกมาผสมผสาน
บริษัทในตลาดหุ้นไทยประมาณ 30% รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ไปแล้ว โดยกลุ่มที่ทำผลงานออกมาดีกว่าที่คาด ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในกลุ่มธนาคาร (SCB, KTB, BBL) และโรงพยาบาล (BH)
ขณะที่ กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยมีผลประกอบการอ่อนแอกว่าที่คาด โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง (HMPRO, GLOBAL) ส่วนกลุ่มอื่นๆ โดยรวมเป็นไปตามคาด (DELTA, PTTEP, SCC)
ตัวเลขคาดการณ์กำไรยังคงทรงตัวในเดือนก.ค. (+0.3% MoM) จากการปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรในกลุ่มวัสดุ (+3.1% MOM), พลังงาน (1.2%), สินค้าอุปโภคบริโภค (+1.1%) และโทรคมนาคม (+1%)
ที่มา: JPMorgan, สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย