เศรษฐกิจจีนส่อแววสะดุด – มาตรการกระตุ้นไร้พลัง คาดไตรมาส 3 เหลือโต 4.5%

เศรษฐกิจจีนส่อแววสะดุด – มาตรการกระตุ้นไร้พลัง คาดไตรมาส 3 เหลือโต 4.5%

มอร์แกน สแตนลีย์ คาดว่า การเติบโตของเศรษฐกิจจีนจะชะลอลงเหลือ 4.5% ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญหลายตัวอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ แม้ในช่วงครึ่งปีแรก จีนจะสามารถรับแรงกดดันทางเศรษฐกิจได้ค่อนข้างดีก็ตาม

ผู้กำหนดนโยบายเศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญจุดเปลี่ยนที่ยากลำบาก หลังการเติบโตในไตรมาส 3 มีแนวโน้มชะลอตัวลง เนื่องจากประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เดินหน้าปราบปรามปัญหากำลังการผลิตส่วนเกิน ขณะที่ มาตรการต่างๆ ที่มุ่งหนุนราคาที่อยู่อาศัยยังไม่สัมฤทธิ์ผล แม้คาดว่า ธนาคารกลางจีนจะปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมเพื่อพยุงตลาดหุ้นก็ตาม แต่การหลีกเลี่ยงภาวะเงินฝืดจำเป็นต้องสร้างอุปสงค์ที่ยั่งยืน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากลำบาก

ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 จีนสามารถรับแรงกดดันทางเศรษฐกิจได้ค่อนข้างดี โดยรายงาน GDP เติบโตสูง 5.3% แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมา ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญหลายตัวกลับอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ โดยเฉพาะการลงทุนสินทรัพย์ถาวรที่ร่วงลง 5.2% เมื่อเทียบรายปีในเดือนก.ค. ซึ่งถือเป็นการหดตัวรายเดือนมากที่สุดในรอบกว่า 20 ปี (ไม่นับช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19) ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์จากมอร์แกนสแตนลีย์ คาดว่า การเติบโตของ GDP จะชะลอลงเหลือ 4.5% ในช่วงเดือนก.ค.–ก.ย.นี้

ความพยายามของรัฐบาลจีน คือ การปรับโครงสร้างภาคอุตสาหกรรม ลดการแข่งขันและกำลังการผลิตส่วนเกิน พร้อมทั้งบรรเทาความตึงเครียดกับคู่ค้า โดยนโยบายนี้ อาจกลายเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างระยะยาว เช่นเดียวกับการรณรงค์ลดหนี้ในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่นำไปสู่ภาวะซบเซาตั้งแต่ปี 2020

แม้รัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นหลายระลอกตั้งแต่ปีที่แล้ว เพื่อหนุนราคาบ้านและตลาดหุ้น หวังสร้าง “ความมั่งคั่ง” เพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นและการบริโภค แต่ผลลัพธ์ที่ได้ยังครึ่งๆ กลางๆ โดยแม้ว่า หุ้นจีนฟื้นตัวได้จริง ซึ่งดัชนี Shanghai Composite พุ่งขึ้นเกือบ 30% ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา แต่ราคาที่อยู่อาศัยยังคงปรับตัวลดลง

ธนาคารกลางจีน (PBOC) ยังมีช่องทางปรับลดดอกเบี้ยได้อีก โดยรายงานไตรมาสล่าสุด ย้ำว่า จะใช้เครื่องมือเชิงโครงสร้างเพื่อรักษา “อัตราเงินเฟ้อในระดับเหมาะสม” ดอกเบี้ยที่ลดลงอาจกระตุ้นให้ผู้ฝากเงินหันไปหาผลตอบแทนที่สูงขึ้นผ่านตลาดหุ้น อย่างไรก็ดี ตัวเลขการบริโภคสะท้อนให้เห็นถึงสัญญาณชะลอตัว โดยยอดค้าปลีกเดือนก.ค. ขยายตัวเพียง 3.7% ต่ำสุดนับตั้งแต่ธ.ค. 2024 หลังนโยบายกระตุ้นผ่านโครงการแลกซื้อสินค้าหมดแรงหนุน ขณะเดียวกันราคาผู้บริโภคแทบไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนราคาสินค้าโรงงานติดลบต่อเนื่อง 34 เดือน รวมไปถึงความต้องการสินเชื่อที่ลดลงเช่นกัน โดยยอดสินเชื่อใหม่สุทธิเดือนก.ค. หดตัวครั้งแรกในรอบ 20 ปี

ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน รายงานเมื่อ 15 ส.ค. ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. ขยายตัว 5.7% เมื่อเทียบรายปี ต่ำสุดนับตั้งแต่ พ.ย. 2024 และต่ำกว่าคาดการณ์ของโพลล์ Reuters ที่ 5.9% ขณะที่ มอร์แกน สแตนลีย์คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะชะลอลงเหลือ 4.5% ในไตรมาส 3 จาก 5.3% ในช่วงครึ่งปีแรก

ที่มา Reuters, สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย