
แม้สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ภายใต้รัฐบาล “ทรัมป์ 2.0” จะล่วงเลยมานานกว่าครึ่งปี แต่ความแข็งแกร่งในภาคการส่งออกจีนยังคงแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของสินค้าจีนในห่วงโซ่อุปทานโลก แม้จะต้องเผชิญกับภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ สูงถึง 55%
ข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่า จีนยังคงส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ เฉลี่ยวันละราว 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยยอดดังกล่าวปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนก.ย. เมื่อเทียบกับเดือนส.ค.ที่ผ่านมา แม้มูลค่าการค้ารวมระหว่าง 2 ประเทศ จะหดตัวในระดับเลข 2 หลักในช่วง 6 เดือนหลัง แต่สินค้าบางประเภทกลับเพิ่มขึ้นจากปี 2024 สะท้อนให้เห็นว่า ภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ยังมีข้อจำกัดในการสกัดสินค้าจากจีน โดยสินค้าจีนที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ อย่างแร่หายากและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ยังคงเป็นส่วนสำคัญของห่วงโซ่อุปทานโลก ทำให้บริษัทสหรัฐฯ ยังไม่สามารถหาทดแทนได้ในระยะสั้น แม้จะมีแนวโน้มที่ประธานาธิบดี ทรัมป์ อาจปรับขึ้นภาษีเพิ่มเติมซึ่งอาจเปลี่ยนสมดุลทางการค้าในอนาคต
ชาง ชู และเดวิด คู 2 นักเศรษฐศาสตร์จากบลูมเบิร์ก ระบุว่า “สถานะที่แข็งแกร่งของจีนในห่วงโซ่อุปทานโลก ทำให้มีอำนาจต่อรองกับผู้นำเข้าจากสหรัฐฯ ในระยะสั้น” พร้อมเตือนว่า “การย้ายฐานการผลิตจำเป็นต้องใช้เวลา”
ในไตรมาส 3 ปีนี้ จีนส่งออกสินค้ามูลค่ารวมกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไปยังสหรัฐฯ ซึ่งช่วยหนุนเศรษฐกิจจีนให้เติบโตตามเป้าหมายประจำปี และผลักดันให้ดุลการค้าระหว่าง 2 ประเทศ ขยายตัวแตะ 67,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดี ทรัมป์ ยังคาดว่า การประชุมกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ที่เกาหลีใต้ในสัปดาห์หน้า มีโอกาสบรรลุข้อตกลงที่ดีด้านการค้า แต่ก็ยอมรับว่า การพบปะอาจยังไม่แน่นอน โดยประเด็นหลักของสหรัฐฯ ในการเจรจาครั้งนี้จะครอบคลุมประเด็นแร่หายาก เฟนทานิล ถั่วเหลืองและไต้หวัน
แม้สินค้าส่งออกอันดับต้นๆ ส่วนใหญ่ของจีนไปยังสหรัฐฯ จะลดลงจากปีก่อน แต่บางรายการกลับเติบโตอย่างโดดเด่น เช่น บุหรี่ไฟฟ้าและจักรยานไฟฟ้า (e-bike) ที่มีมูลค่าส่งออกกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อน รวมถึงการส่งออกทองแดงแคโทดบริสุทธิ์ ที่พุ่งจากแทบไม่มีมูลค่าไปแตะ 270 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และสายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 87% เป็น 405 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ด้านจ้าวเผิง ซิง นักกลยุทธ์อาวุโสจากธนาคาร ANZ กล่าวว่า “ทั้ง 2 ฝ่ายอาจลดการพึ่งพากันได้บ้าง แต่ไม่สามารถตัดขาดได้ทั้งหมด” พร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่า บริษัทสหรัฐฯ บางรายสามารถหลีกเลี่ยงภาษีบางส่วนได้ โดยประกาศมูลค่าศุลกากรตามราคาขายแรกในประเทศที่ 3 เช่น เม็กซิโก หรือเวียดนาม ก่อนส่งต่อมายังท่าเรือในสหรัฐฯ เพื่อเลี่ยงภาษีเต็มจำนวน พร้อมระบุว่า “มีช่องโหว่มากมาย และศุลกากรสหรัฐฯ ไม่มีบุคลากรเพียงพอจะตรวจสอบทั้งหมด”
ในช่วงไตรมาสที่ 3 จีนส่งออกสมาร์ตโฟน แล็ปท็อป แท็บเล็ต และชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ไปสหรัฐฯ มูลค่ารวมเกือบ 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้ลดลงกว่าครึ่งจากปีก่อน แต่ยังถือว่ามีมูลค่าสูงท่ามกลางภาษีที่เพิ่มขึ้น แม้สหรัฐฯ จะยกเลิกกฎ “de minimis” ที่อนุญาตให้พัสดุขนาดเล็กเข้าประเทศได้โดยไม่เสียภาษีตั้งแต่เดือนพ.ค. แต่ผู้บริโภคอเมริกัน ยังคงซื้อสินค้าจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของจีนอย่าง Shein และ Temu อย่างต่อเนื่อง โดยจีนรายงานว่า ยังมีการส่งพัสดุมูลค่ารวมกว่า 5,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไปยังสหรัฐฯ แม้จะถูกเก็บภาษีสูงถึง 54% ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการค้าระหว่าง 2 ประเทศกำลังหดตัวลง โดยประธานาธิบดี ทรัมป์พยายามฟื้นการผลิตในประเทศและผลักดันอุตสาหกรรมที่สำคัญเชิงยุทธศาสตร์เป็นวาระเร่งด่วนของประเทศ การส่งออกจากจีนไปสหรัฐฯ ในปีนี้ลดลงเหลือไม่ถึง 320,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่ำกว่าระดับก่อนสงครามการค้าในปี 2017
สินค้าบางประเภท อย่างเครื่องเล่นเกมคอนโซลและโทรทัศน์ LCD ก็ย้ายฐานการผลิตไปยังเวียดนามและประเทศอื่นเพื่อลดผลกระทบจากภาษี โดยการส่งออกทีวีจากจีนไปสหรัฐฯ ลดลงถึง 73% ในไตรมาสที่ผ่านมา
ที่มา Bloomberg, สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย