จีน ประกาศแพ็กเกจนโยบายใหม่ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายภาคครัวเรือน โดยมุ่งกระชับการประสานงานระหว่างหน่วยงานด้านพาณิชย์และกำกับดูแลการเงิน ขยายการเข้าถึงสินเชื่อ และส่งเสริมรูปแบบการบริโภคใหม่ๆ
มาตรการดังกล่าว มีขึ้นท่ามกลางยอดค้าปลีกที่อ่อนแรงและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ยังซบเซา ซึ่งกดดันการเติบโตทางเศรษฐกิจในเดือนที่ผ่านมา สะท้อนความเร่งด่วนของผู้กำหนดนโยบายในการขยายอุปสงค์ภายในประเทศ โดยประเด็นดังกล่าว ถูกยกเป็นวาระสำคัญในการประชุมงานเศรษฐกิจส่วนกลางประจำปีของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนและคณะรัฐมนตรีมาแล้ว 2 ปีติดต่อกัน โดยนักวิเคราะห์ มองว่า การสนับสนุนอาจทวีความเข้มข้นขึ้นในปีหน้า ซึ่งจุดเน้นมีแนวโน้มขยับจากสินค้าราคาสูงไปสู่การใช้จ่ายในภาคบริการ

แพ็กเกจนโยบาย 11 มาตรการ ประกอบด้วยแนวทางขยายสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลเพิ่มเติม และชี้นำสินเชื่อไปยังสาขาที่มีศักยภาพสูง อาทิ การบริโภคด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ ดิจิทัล และ “AI Plus” ตามประกาศร่วมของกระทรวงพาณิชย์ ธนาคารกลางจีน (PBOC) และสำนักบริหารกำกับดูแลการเงินแห่งชาติจีน (NFRA) นอกจากนี้ ยังสนับสนุนให้รัฐบาลท้องถิ่นที่มีคุณสมบัติเหมาะสมใช้ “อั่งเปาดิจิทัล” ในสกุลเงินหยวนดิจิทัล เพื่อเพิ่มประสิทธิผลให้กับมาตรการจูงใจการบริโภค
ประกาศยังระบุว่า หน่วยงานพาณิชย์ท้องถิ่น ควรใช้ประโยชน์จากช่องทางเงินทุนที่มีอยู่ให้เต็มที่ เร่งออกมาตรการกระตุ้นการบริโภค และทำงานประสานกับเครื่องมือสนับสนุนทางการเงิน เพื่อปลดล็อกดีมานด์ในฝั่งผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น
สวี่ เทียนเฉิน นักเศรษฐศาสตร์จีนอาวุโสจาก Economist Intelligence Unit กล่าวว่า ผู้กำหนดนโยบายกำลังมองการปรับสมดุลเศรษฐกิจเป็นโครงการเชิงระบบ โดยกำหนดเป้าหมายการกระตุ้นการบริโภคไว้ในตัวชี้วัดผลงาน (KPI) ของหลายหน่วยงานรัฐ การประกาศมาตรการช่วงปลายปีสะท้อนความตั้งใจที่จะเตรียมการล่วงหน้า เพื่อให้มาตรการเริ่มเห็นผลตั้งแต่ต้นปีใหม่ โดยไม่ต้องรอจนถึงการประชุมสองสภาในเดือนมี.ค.
อย่างไรก็ดี แม้การสนับสนุนทางการเงินในแพ็กเกจล่าสุด จะมีขนาดเพียงพอ แต่ความต้องการสินเชื่อยังอ่อนแรง โดยสวี่ระบุว่า การกระตุ้นผู้บริโภคมีแนวโน้มคงความเข้มแข็งในปีหน้า โดยน้ำหนักจะย้ายไปที่บริการ เช่น การฝึกทักษะ บริการมารดาและเด็ก การดูแลสุขภาพ และการดูแลผู้สูงอายุ สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงไปสู่ สังคมสูงวัยอย่างรวดเร็ว
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุว่า ยอดค้าปลีก ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญของการใช้จ่ายผู้บริโภค ขยายตัวเพียง 1.3% เมื่อเทียบรายปีในเดือนพ.ย. ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2022 โดยนักวิเคราะห์ชี้ว่า ยอดขายรถยนต์ที่ซบเซาเป็นแรงฉุดสำคัญ โดยที่ประชุมงานเศรษฐกิจส่วนกลางยอมรับว่า ความเสี่ยงด้านลบยังคงอยู่ พร้อมตอกย้ำการหันมาเน้นอุปสงค์ภายในประเทศ ผ่านมาตรการกระตุ้นการบริโภค การรักษาเสถียรภาพการลงทุน และการส่งเสริมนวัตกรรมในภาคการผลิตที่มีผลิตภาพสูง
ทั้งนี้ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ระบุว่า การขยายอุปสงค์ภายในประเทศไม่เพียงเกี่ยวข้องกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ แต่ยังรวมถึงความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และไม่ใช่มาตรการชั่วคราว หากเป็นทางเลือกเชิงยุทธศาสตร์ พร้อมชี้ว่า จีนต้องเร่งแก้ไขจุดอ่อนของอุปสงค์ภายใน โดยเฉพาะการบริโภค เพื่อให้กลายเป็นเครื่องยนต์หลักและสมอค้ำจุนการเติบโต
นอกจากนี้ ยังย้ำว่า “อุปสงค์รวมที่ไม่เพียงพอเป็นความท้าทายที่เด่นชัดที่สุดของเศรษฐกิจ” และเรียกร้องให้สร้างกลไกระยะยาวเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายครัวเรือน ผ่านการประกันรายได้ที่มั่นคง ลดความกังวลต่ออนาคต และปรับปรุงสภาพแวดล้อมการบริโภค
ที่มา SCMP, สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
