BF Economic Research
สภาผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่ารวม 2 แสนล้านดอลลาร์ฯ จากเดิมกำหนดอัตราเก็บภาษีนำเข้าที่ 10% เป็น 25% ด้านจีนตอบโต้สวนกลับทันที
ในขั้นตอนต่อไปรายชื่อสินค้าดังกล่าวจะเข้าสู่กระบวนการรับฟังความเห็นจากสาธารณะซึ่งจะปิดรับฟังความคิดเห็นในวันที่ 30 ส.ค. และภาษีจะมีผลบังคับใช้ได้อย่างเร็วที่สุดในช่วงต้นเดือน ก.ย.
- สำหรับสินค้าที่จะถูกเก็บภาษีเพิ่มเติมในรอบนี้ประกอบด้วยสินค้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ส่วนประกอบคอมพิวเตอร์และทีวี เฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้าและเครื่องหนัง เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ ชิ้นส่วนรถยนต์ เคมีภัณฑ์ พลาสติก ไม้แปรรูป ยาง อุปกรณ์ทางการเกษตร และสินค้าเกษตร เช่น เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ ข้าว ธัญพืช
- ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ได้เริ่มเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ เมื่อวันที่ 6 ก.ค. และภาษีกับสินค้านำเข้าจากจีนอีก 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ อาจมีผลบังคับใช้กลางเดือนหน้าหลังกระบวนการรับฟังความเห็นจากสาธารณะเสร็จสิ้น
- หากการเก็บภาษีสินค้าดังกล่าวมีผลบังคับใช้ จะเท่ากับว่าสหรัฐฯ ได้เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนแล้วราวครึ่งหนึ่งของมูลค่าสินค้าที่นำเข้าทั้งหมดในปีก่อน (5.2 แสนล้านดอลลาร์ฯ)
- ด้านประเทศจีนภายหลังที่สหรัฐฯ ประกาศจะเพิ่มภาษีนำเข้า ก็ได้เผยรายการสินค้านำเข้า 6 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ จากสหรัฐฯ (ไม่ซ้ำกับรายการสินค้าที่จีนประกาศไปก่อนหน้าที่ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ ทั้งหมดคิดเป็น 70% ของมูลค่าที่จีนนำเข้าจากสหรัฐฯ) โดยจีนจะปรับเพิ่มภาษีนำเข้าเป็นขั้นบันได (25%, 20%, 10% และ 5%) ครอบคลุม 5,207 รายการสินค้าในหลายกลุ่มประเภทสินค้า โดยที่กำหนดอัตราภาษีนำเข้าสูงสุด 25% สำหรับ 2,493 รายการสินค้า รายการสินค้าที่จะได้รับผลกระทบได้แก่ กลุ่มเครื่องจักร (9 พันล้านดอลลาร์ฯ) เคมีภัณฑ์ (7 พันล้านดอลลาร์ฯ) พลาสติกและยาง (4.8 พันล้านดอลลาร์ฯ )
- ปัจจุบันจีนนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯที่ 1.5 แสนล้านดอลลาร์ฯ หรือคิดเป็น 8% ของการนำเข้าทั้งหมดของจีน หากจีนปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าตามที่ประกาศไว้ สินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ น่าจะหายไปราว 2 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ ซึ่งจีนอาจจะสั่งซื้อสินค้าดังกล่าวจากประเทศอื่นแทน