ไชน่าเดลี รายงานว่า EY บริษัทที่ปรึกษา ได้จัดทำรายงานบารอมิตอร์ความเชื่อมั่นด้านการลงทุนในตลาดโลก โดยระบุว่า ผู้บริหารบริษัทจีน คาดการณ์ว่า จะมีบรรยากาศการควบรวมและเข้าซื้อกิจการที่คึกคักขึ้นในช่วง 12 เดือนข้างหน้า
สำหรับบารอมิเตอร์นี้ สำรวจจากผู้บริหารระดับสูงกว่า 2,600 คน จาก 45 ประเทศ โดย 174 คน มาจากจีน ซึ่ง 75% ของผู้บริหารจีนที่เข้าร่วมสำรวจมองว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัว 87% ของผู้ตอบแบบสำรวจ คาดว่า แนวโน้มการควบรวมกิจการในตลาดโลกจะเพิ่มขึ้นช่วง 12 เดือนข้างหน้า และ 34% ของกลุ่มนี้ ระบุว่า พวกเขาจะเข้าซื้อกิจการในเชิงรุกในระยะสั้นนี้
Stella Yuan หัวหน้า ที่ปรึกษาการทำธุรกรรมของ EY Central China กล่าวว่า บริษัทจีนหลายแห่งจะให้น้ำหนักมากขึ้นกับเรื่องการซื้อกิจการในช่วง 12 เดือนข้างหน้า
ในเวลาเดียวกัน บริษัทจะจัดการพอร์ตโฟลิโอของธุรกิจที่มีอยู่แล้วในเชิงรุกเช่นกัน เพื่อรองรับกับสินค้าใหม่ๆ ที่จะเข้าสู่ตลาดในช่วง 12-24 เดือนข้างหน้า โดยบริษัทเอกชนมีความเป็นไปได้ที่จะเข้าซื้อสินทรัพย์เหล่านี้
ทั้งนี้ 6 กลุ่มธุรกิจสำคัญที่บริษัทจีนจะเข้าซื้อกิจการในช่วง 12 เดือนข้างหน้าคือ 1.บริการทางการเงิน 2.บริการสุขภาพ 3.การสื่อสารโทรคมนาคม 4.อสังหาริมทรัพย์ 5.การบริการและภาคก่อสร้าง 6.น้ำมันและก๊าซรวมทั้งอุตสาหกรรม เพื่อหาโอกาสเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ ได้เข้าถึงบุคลากรที่มีความสามารถมากขึ้น และเพื่อเพื่อความมั่นคงให้กับห่วงโซ่อุปทาน เหล่านี้คือ 3 เหตุผลหลักสำหรับการเข้าซื้อกิจการ EY ระบุ
ส่วน 5 จุดหมายลงทุนหลักของบริษัทจีน ได้แก่ ในประเทศจีน สหรัฐ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย