Series ส่องเศรษฐกิจจีนสมัยใหม่ ตอนที่ 1

Series ส่องเศรษฐกิจจีนสมัยใหม่ ตอนที่ 1

By…ทนง ขันทอง

จีนเดินหน้าเปิดประเทศเพื่อเป็นผู้เล่นโลกาภิวัฒน์อย่างเต็มตัว

ทุกๆ ปีดอยช์แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารพานิชย์ที่ใหญ่ที่สุดของเยอรมนีจะจัดสัมมนาที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อดูแนวโน้มเศรษฐกิจจีน นโยบายการคลังและการเงินของรัฐ ตลาดการเงิน ตลาดทุน ภาคอุตสาหกรรม บริษัทขนาดใหญ่ ขนาดกลางและขนาดเล็ก รวมทั้งตลาดผู้บริโภคจีนที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เพื่อให้นักลงทุนสถาบันมีความรู้ และความเข้าใจในศักยภาพของจีนอย่างลึกซึ้ง

แต่มาปีนี้ ดอยช์แบงก์เปลี่ยนเวทีสัมมนามาที่เมืองเซินเจิ้นแทน เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่14-15 ม.ค. ที่ผ่านมา พร้อมกับนำนักลงทุนไปเยี่ยมชมโรงงานและบริษัทตามเมืองต่างๆ ทั่วประเทศหลังการสัมมนาเพื่อให้ได้พูดคุยกับผู้บริหารโดยตรง

นาย Werner Steinmueller ซีอีโอ และสมาชิกของบอร์ดบริหาร ดอยช์แบงก์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค เป็นผู้กล่าวเปิดสัมมนาโดยบอกว่า เซินเจิ้นเป็นเมืองที่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่จะมาจีน เนื่องจากเป็นเขตเศรษฐกิจที่เป็นศูนย์กลางการพัฒนาเศรษฐกิจจีนให้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ โดยมีความคิดใหม่ๆ และมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลาในเซินเจิ้นที่ถูกมองกันว่าเป็นซิลิคอน วัลเลย์ของจีน เพราะว่ามีการทำวิจัยและพัฒนาเพื่อแสวงหาเทคโนโลยีที่ทันสมัย และเป็นรากฐานของเศรษฐกิจที่เติบโตทำให้จีนกลายเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลกในเวลานี้ โดยมีมูลค่าการส่งออกสูงถึง 2.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เห็นภาพว่า ต่อไปเงินหยวนจะเป็นเงินสกุลสำคัญของโลก

นาย Steinmueller บอกว่า ให้ลองนึกภาพ Wechat ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแอปพลิเคชันของเทนเซ็นต์ มีผู้ใช้งานอยู่ 1,000 ล้านคนในเวลานี้ นอกจากนี้ บริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนมีการก่อร่างสร้างตัวและมีสำนักงานใหญ่ที่เซินเจิ้นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นบริษัท เทนเซ็นต์ หรือ หัวเว่ย เทคโนโลยี

ขณะที่ ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างจีนและยุโรปกำลังดำเนินไปด้วยดี ด้วยมูลค่าการค้าที่สูงถึง 600,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเยอรมนีเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญ นาย Steinmueller บอกว่า บริษัทสัญชาติเยอรมันให้ความสำคัญกับการลงทุนในจีนเชิงยุทธศาสตร์ และจีนเปิดประตูกว้างต้อนรับการลงทุนจากต่างชาติ เห็นได้จากการที่บริษัทประกันภัย Allianz สามารถลงทุนในกิจการที่ตัวเองเป็นเจ้าของ100%ในเมืองเซี่ยงไฮ้

รัฐบาลจีนยังเปิดกว้างในธุรกิจบริหารจัดการกองทุนรวม วานิชธนกิจ และการธนาคาร โดยต่อไปจะสามารถถือหุ้นได้ 100% ในอนาคตจากการเปิดเสรี ส่วนบริษัทรถยนต์ BMW สามารถเพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นเป็น 75% จากที่เคยถือ 50% ในกิจการร่วมทุน ขณะที่บริษัท BASF จากประเทศเยอรมนีมีแผนลงทุน 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐกับโรงงานเคมีในจีน

นาย Steinmueller กล่าวต่อว่า มีบริษัทเยอรมันกว่า 5,000 แห่งที่ลงทุนในจีนเวลานี้ และจากการสอบถาม 2 ใน 3 ของบริษัทสัญชาติเยอรมันต้องการเพิ่มการลงทุนในจีนต่อไป

โดยรวมแล้วนาย Steinmueller ต้องการเห็นจีนเปิดตลาดต่อไป และให้มีความร่วมมือใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นกับยุโรป และเยอรมนี โดยต้องมีกฎระเบียบข้อบังคับที่ชัดเจนเพื่ออำนวยความสะดวกการลงทุนของภาคเอกชน และแน่นอนเลยทีเดียวว่า ต่อไปจีนจะพัฒนาเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก