ไชน่าเดลี รายงานว่า จีนเปิดเผยยอดผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของปีที่ผ่านมาออกมา โดยพบว่ามี 10 เมืองในจีนที่มีจีดีพีสูงสุด ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ ตามด้วย ปักกิ่ง เซินเจิ้น กวางโจว ฉงชิ่ง เทียนจิน ซูโจว เฉิงตู อู่ฮั่น และหังโจว
สำหรับกรุงปักกิ่งมีจีดีพี เกิน 3 ล้านล้านหยวน หรือ 447,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรก โดยปีที่ผ่านมา จีดีพีของกรุงปักกิ่งอยู่ที่ 3.03 ล้านล้านหยวน ตามมาจากเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นเมืออันดับต้นๆ ที่มีจีดีพีสูงของจีน อยู่ที่ 3.27 ล้านล้านหยวน โดยทั้ง 2 เมืองรวมกันมีอัตราการเติบโตของจีดีพี 6.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ขณะที่ เซินเจิ้น เป็นเมืองอันดับ 3 ในเชิงจีดีพี โดยอยู่ที่ 2.4 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้น 7.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และเข้าไปติดเมือง 5 อันดับแรกในเอเชียของเมืองที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่
ส่วนกวางโจว เป็นเมืองหลักๆ อีกแห่งที่มีส่วนสำคัญต่อจีดีพีของมณฑลกวางตุ้ง ไม่แพ้เซินเจิ้น โดยเป็นเมืองอันดับ 4 ด้วยจีดีพี 2.3 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้น 6.5% จากปีก่อนหน้า
ใน 10 เมืองแรกของจีนที่มีจีดีพีมากที่สุด พบว่า จะอยู่ในภาคกลางและภาคตะวันตกเป็นหลัก โดยเฉิงตูและอู่ฮั่น ก็มีอัตราจีดีพีที่แข่งขันได้สูสีกัน อยู่ที่ 1.53 ล้านล้านหยวน และ 1.48 ล้านล้านหยวนตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตจากปีก่อนหน้านั้น 8% เมื่อดูในภาพรวมแล้ว เมืองส่วนใหญ่ยังรักษาอัตราการเติบโตในระดับกลางจนถึงสูงไว้ได้ แม้ว่าอัตราการเติบโตจะตกลงมา ส่วนเทียนจิน ยังรักษาอัตราการเติบโตของจีดีพีไว้ที่ 3.6% เมื่อเทียบกับปี 2017 หรือคิดเป็น 1.88 ล้านลานหยวน ส่วนฉงชิ่ง ได้เห็นอัตราการเติบโตของจีดีพี 6% เป็น 2.04 ล้านล้านหยวน ลดลง 3.5% เมื่อเทียบกับปี 2017