ไชน่าเดลี รายงานว่า กระทรวงคมนาคมของจีน เปิดเผยตัวเลขการลงทุนด้านโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งไตรมาสแรกที่ผ่านมา พบว่า จีนลงทุนสูงถึง 488,900 ล้านหยวน หรือ 72,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
Wu Chungeng โฆษกกระทรวงคมนาคมจีน กล่าวระหว่างการประชุมด้านการลงทุนคมนาคมขนส่งจีนว่า ไตรมาสแรกปีนี้ยังคงมีการลงทุนอย่างแข็งแกร่ง เป็นผลจากการสนับสนุนของรัฐบาลเพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน โดยงบลงทุนกว่า 101,200 ล้านหยวน ถูกอัดฉีดเข้าไปในโครงการรถไฟช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย. เพิ่มขึ้น 10% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 15,500 ล้านหยวน ใช้ลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมการบินพลเรือน เพิ่มขึ้น 10.7% ของช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนการลงทุนในทางด่วน อยู่ที่ 191,500 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 12.6% การก่อสร้างเส้นทางน้ำ อยู่ที่เกือบ 11,300 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 9.3%
โดยภาพรวมแล้วการลงทุนไตรมาสแรก เป็นการปรับโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งให้ดีขึ้น รองรับการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารทางรางและทางอากาศ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขนส่งทางรางและทางน้ำ
สำหรับยอดการเดินทางทางรถไฟอยู่ที่ 850 ล้านทริป เติบโต 9% จากปีที่ผ่านมา ส่วนการเดินทางทางอากาศอยู่ที่ 160 ล้านทริป เพิ่มขึ้น 9.8% ขณะที่การเดินทาง 3,400 ล้านทริปเป็นการเดินทางทางถนน ลดลง 5%
“ความสะดวก สบายและความมีประสิทธิภาพของระบบขนส่ง เช่น รถไฟความเร็วสูง และการเดินทางทางอากาศกำลังเติบโต ขณะที่จำนวนการเดินทางทางถนนกำลังลดลง” Wu กล่าว
ทั้งนี้ จาการที่ระบบโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐานถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นในไตรมาสแรก ทำให้ปริมาณการขนส่งทางรางและทางน้ำ เพิ่มขึ้น 3% และ 5.9% ตามลำดับ
Wu ยังกล่าวว่า จีนมีแผนขยายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานปีนี้ ได้แก่ การลงทุนก่อสร้างทางรถไฟ 800,000 ล้านหยวน การลงทุนก่อสร้างโครงการถนนและทางน้ำ 1.8 ล้านล้านหยวน รวมถึงโครงการลงทุนทางอากาศ 85,000 ล้านหยวน โดยถนนในพื้นที่ชนบท 200,000 กิโลเมตรจะถูกสร้าง เช่นเดียวกับเส้นทางรถไฟสายใหม่ 6,800 กิโลเมตรจะเพิ่มเติมเข้ามา