สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ยูเอส ไฮยิลด์
เดือน เม.ย. ตราสารหนี้ยูเอส ไฮยิลด์ ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit rating) ระดับ B ให้ผลตอบแทน +1.40% ผลตอบแทนรายเดือนเป็นบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่สี่นับตั้งแต่ต้นปี ผลตอบแทนที่เป็นบวกเป็นผลจาก
1) ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แสดงออกต่อทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยในทำนอง Dovish แปลว่า จะไม่เห็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องเหมือนที่ผ่านๆ มา
2) ผลประกอบการบริษัทสหรัฐฯซึ่งได้ทยอยประกาศออกมานั้นอยู่สูงกว่าระดับที่ตลาดคาดการณ์
ด้านกระแสเงินไหลเข้า-ออก ตราสารหนี้ยูเอส ไฮยิลด์ได้รับกับกระแสเงินไหลเข้าในเดือน เม.ย. +2.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นับว่าเป็นการไหลเข้าต่อเนื่องจากไตรมาสแรกที่มีเม็ดเงินไหลเข้ารวมทั้งสิ้น +12.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ด้านตราสารหนี้ออกใหม่ พบว่า มีจำนวน 33 ตราสารในเดือน เม.ย.รวมจำนวน 18.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงจากเดือน ก.พ.และ มี.ค. ซึ่งอยู่ที่ 21.2 และ 26.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ยังสูงกว่าเดือน ม.ค.เล็กน้อยที่ 17.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หากเปรียบเทียบกับช่วงเวลาสี่เดือนแรกของปีก่อนพบว่าในปีนี้มีตราสารหนี้ออกใหม่ลดลง 11% หมายถึงว่าลดลงจาก 93.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 83.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ด้านการผิดนัดชำระหนี้ พบว่า มีตราสารหนี้ไฮยิลด์ผิดนัดชำระหนี้ 4 ตราสารในเดือน เม.ย. รวมมูลค่า 5.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อัตราการผิดนัดชำระหนี้ตามราคาที่ตราไว้ (Par weight default rate) สิ้นเดือน เม.ย.ระดับ 1.29% เพิ่มขึ้นจากสิ้นเดือนมี.ค.ที่ระดับ 0.95%
หากเทียบผลตอบแทนตราสารหนี้ไฮยิลด์สหรัฐฯรายเดือน (ซึ่งเพิ่มขึ้น +1.40%) น้อยกว่าหุ้นสหรัฐฯ (S&P500 ซึ่งเพิ่มขึ้น +4.05%) แต่มากกว่าตราสารหนี้เอกชน (U.S. Corporate +0.56%) และพันธบัตรรัฐบาล (U.S. Treasury -0.31%) เมื่อมองลึกลงไปโดยจำแนกตามอันดับความน่าเชื่อถือของตราสาร ตราสารหนี้ไฮยิลด์สหรัฐฯ ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับ CCC หรือต่ำกว่าให้ผลตอบแทน +2.27% สูงกว่าตราสารหนี้ระดับ BB ซึ่งให้ผลตอบแทน +1.51% และเมื่อพิจารณาตราสารหนี้โดยจำแนกตามกลุ่มอุตสาหกรรมของบริษัทที่ลงทุนพบว่าตราสารหนี้ให้ผลตอบแทนเป็นบวกในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมรวมทั้งหมด 18 กลุ่มอุตสาหกรรม
นำโดยตราสารหนี้ใน 1. กลุ่มธุรกิจค้าปลีก (+2.62%) 2. ตราสารหนี้ในกลุ่มขนส่ง (+2.44%) และ 3. ตราสารหนี้ในกลุ่มผู้ผลิตยานยนต์ (+2.15%) ขณะที่สามกลุ่มอุตสาหกรรมที่ให้ผลตอบแทนต่ำสุดคือ 1. ตราสารหนี้ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (+0.46%) 2. ตราสารหนี้ในกลุ่มสาธารณูปโภค (+0.63%) และ 3. ตราสารหนี้ในกลุ่มสินค้าทุน (+0.80%)
ส่วนต่างของผลตอบแทนตราสารหนี้ยูเอสไฮยิลด์กับพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (โดยใช้ Option adjusted spread) ระดับ 373 basis points แคบลง 32 basis points เมื่อเทียบกับเดือนมี.ค. อยู่ที่ระดับ 405 basis points ทำให้ราคาตลาดของตราสารหนี้เพิ่มขึ้นจาก 97.69 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนมี.ค. เป็น 98.70 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือน เม.ย.
ด้านผลตอบแทนตราสารหนี้กรณีใช้สิทธิไถ่ถอนก่อนครบกำหนด (หรือที่เรียกว่า Yield to worst) ณ สิ้นเดือนเม.ย. ระดับ 6.17% พบว่าลดลงจากช่วงต้นเดือนที่ระดับ 6.48%
ที่มา: AXA Investment Managers, เม.ย. 2019
นโยบายลงทุนของ AXA WF US High Yield Bonds I USD
ลงทุนในตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยคงที่และผันแปร โดยมีเป้าหมายในการบริหารกองทุนเพื่อให้ได้รายได้จากดอกเบี้ยในระดับสูงและสม่ำเสมอ
กองทุนหลัก (Master Fund)
ชื่อ: AXA WF US High Yield Bonds I USD
วัตถุประสงค์การลงทุน: แสวงหาผลตอบแทนสูงจากการลงทุนในตราสารหนี้ยูเอสไฮยิดล์ในระยะยาว
วันจดทะเบียน: November 2006
ประเทศที่จดทะเบียน: ลักเซมเบิร์ก
สกุลเงิน: USD
เกณฑ์วัดผลการดำเนินงาน (Benchmark): BofA Merrill Lynch US High Yield Index.
Morningstar Category: Global Fixed Income
Bloomberg (A): AXUHYIU LX
Fund Size: USD 2,875 million (up from USD 2,465 million in Jan this year)
NAV: USD 246.79 (up from USD 238.62 in Jan this year)
Number of holdings: 243 (Up from 218 in Jan this year)
ลักษณะสำคัญ: AXA IM Core HY Strategy และ เกณฑ์มาตรฐาน BofA Merrill Lynch US High Yield Index
ที่มา: AXA WF US High Yield Bonds I USD, เดือนเม.ย. 2019
ผลการดำเนินงานกองทุนย้อนหลัง (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2019)
เกณฑ์มาตรฐาน1 คือ ดัชนี BofA Merrill Lynch US High Yield Master II สัดส่วน 100% (ซึ่งเป็นเกณฑ์วัดผลการดำเนินงานของกองทุนหลัก) ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับด้วยอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อคำนวณผลตอบแทนเป็นสกุลเงินบาท ณ วันที่คำนวณผลตอบแทนตามสัดส่วนการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ
เกณฑ์มาตรฐาน2 คือ ดัชนี BofA Merrill Lynch US High Yield Master II สัดส่วน 100% (ซึ่งเป็นเกณฑ์วัดผลการดำเนินงานของกองทุนหลัก) ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับด้วยอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อคำนวณผลตอบแทนเป็นสกุลเงินบาท ณ วันที่คำนวณผลตอบแทน
หมายเหตุ: กองทุน B-HY จดทะเบียนวันที่ 25 สิงหาคม 2016
ประกาศการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ
กองทุนเปิดบัวหลวงไฮยิลด์ (เฮดจ์ 75) ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (B-HY (H75) AI)
และกองทุนเปิดบัวหลวงไฮยิลด์ (อันเฮดจ์) ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (B-HY (UH) AI)
หมายเหตุ:
– วันทำการรับซื้อคืนอัตโนมัติ คือ วันทำการซื้อขายของกองทุนวันสุดท้ายของเดือนมีนาคม มิถุนายน กันยายน และธันวาคม
– คำนวณราคารับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ ภายใน 2 วันทำการนับแต่วันทำการถัดจากวันทำการรับซื้อคืนอัตโนมัติ